ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 14 มี.ค.62 ปิดที่ 1,635.88 จุด ลดลง 3.79 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 38,219.30 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,963.42 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 48 บาท บวก 0.25 บาท, PTTGC ปิด 67.50 บาท ลบ 0.25 บาท, AOT ปิด 69 บาท บวก 0.25 บาท, PTTEP ปิด 120.50 บาท ลบ 1 บาท และ CPALL ปิด 77.25 บาท ลบ 0.25 บาท
มีข่าวตลาดหลักทรัพย์อนุมัติย้ายหุ้นของ บมจ.อาร์เอส (RS) จากหมวดธุรกิจสื่อและสิ่งพิมพ์ เป็นหมวดธุรกิจพาณิชย์ เพื่อให้สอดคล้องกับสัดส่วนโครงสร้างรายได้ และนโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค.62 เป็นต้นไป
บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง แนะการลงทุนเดือนมีนาคม ประเมินกรอบการแกว่งตัว 1,620-1,680 จุด โดยคาดว่าจะเป็นเดือนที่มีความผันผวนสูงกว่าช่วงที่ผ่านมา จากปัจจัยการเมืองโลกและในประเทศ กลยุทธ์การลงทุน คงคำแนะนำ ให้ถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 40% พร้อมเน้นลงทุนในกลุ่มไฟฟ้า (EGCO), รถไฟฟ้า (BEM) กลุ่มท่องเที่ยว (SPA) และกลุ่ม
ค้าปลีก (CPALL) และเลือก PTTEP เป็นตัวแทน Global play
ส่วน บล.เอเซียพลัส ระบุว่า หลังงบ 4Q61 ออกมาต่ำกว่าคาด เพราะเกิดจากการรับรู้ Stock Gain/ Stock Loss ในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ทำให้กำไรสุทธิต่อหุ้น หรือ EPS ลดลงจากเดิม 9.85% เหลือ 97.89 บาท (จากเดิม 108.58 บาท) และเนื่องมีการปรับสมมติฐานใหม่คือ 1.ราคาน้ำมันดูไบ 65 เหรียญฯต่อบาร์เรล เทียบกับ 70 เหรียญฯ
ในปี 61
2.อัตราแลกเปลี่ยนจาก 33 บาทต่อดอลลาร์ เหลือ 32 บาท สะท้อน เงินบาทที่แข็งค่ามากกว่าคาด 3.รับรู้ต้นทุนค่าแรงตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานที่คาดว่าจะสูงเกือบ 3 หมื่นล้านบาทในปี 62 จึงปรับประมาณการ EPS ปี 62 ลง 6% เหลือ 105.42 บาทต่อหุ้น แต่ยังเติบโต (EPS Growth) ราว 8% yoy ทำให้ดัชนีเป้าหมายปี 62 หากกำหนด P/E 16 เท่าเดิม จะมี upside จำกัด
กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้เลือกลงทุนเป็นรายหุ้น ประกอบด้วย หุ้นปันผลเด่นดังที่มีหุ้นสมบัติคือผันผวนน้อยกว่าตลาดแต่มีเงินปันผลและ upside สูง และหุ้นปันผลสูงและหุ้นที่มีกำไรโดดเด่น ใน 1Q62.
อินเด็กซ์ 51