ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 6 มี.ค.62 ปิดที่ 1,625.51 จุด ลบ 13.49 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 44,300.72 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2,601.51 ล้านบาท
ตลาดร่วงหนักจากแรงขายหุ้นใหญ่และผลกระทบจากหุ้นที่ขึ้นเครื่องหมาย XD ขณะที่นักลงทุนรอติดตามศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดียุบพรรค ทษช.
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 47.50 บาท ลบ 1.25 บาท, KBANK ปิด 189.50 บาท ลบ 4 บาท, AOT ปิด 67.75 บาท บวก 0.50 บาท, CPALL ปิด 76.50 บาท ลบ 1 บาท, PTTGC ปิด 68.50 บาท ลบ 0.50 บาท
“ศรพล ตุลยะเสถียร” รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์ประเมินว่าฟันด์โฟลว์มีโอกาสที่จะไหลเข้าตลาดหุ้นไทย เนื่องจากช่วงปลายเดือน MSCI Index มีโอกาสปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยขึ้นอีก 0.5% จากเดิมอยู่ที่ราว 2.5% และหุ้นไทยยังมีโอกาส จากการที่ FTSE Global Equity Index Series ได้ทบทวนโดยปรับเพิ่มหุ้นใหญ่และขนาดกลางของไทย ซึ่งจะทำให้หุ้นไทยได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนต่างประเทศ และสถาบันมากขึ้น
รวมทั้งการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นยังสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนมากขึ้นด้วยเช่นกัน ขณะที่การเจรจาเงื่อนไขทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่มีแนวโน้มดีขึ้น ทำให้นักลงทุนคลี่คลายความกังวล
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ให้เป้าดัชนีหุ้นไทยปีนี้ที่ 1,800 จุด พร้อมแนะลงทุนหุ้นที่อิงกับเศรษฐกิจภายใน และหุ้นที่ปลอดภัยในภาวะที่ตลาดผันผวน (Defensive) ส่วนกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงคือหุ้นที่เกี่ยวกับการส่งออก!!
บล.โนมูระ พัฒนสิน ให้ติดตามการเปลี่ยนเกณฑ์ของ MSCI Index ในเดือน มี.ค. จากเดิมที่คิดคำนวณจาก Foreign Share ปรับมาคำนวณจาก NVDR แทน โดยเกณฑ์นี้จะทำให้น้ำหนักในไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และอาจจะมีโอกาสที่ฟันด์โฟลว์จะกลับเข้าตลาดหุ้นไทยได้
ทำให้น้ำหนักของหุ้นไทยใน MSCI EM จะเพิ่มขึ้นจาก 2.5% สู่ 3% คิดเป็นเม็ดเงินจาก Passive Fund กว่า 1.11 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 3.5 หมื่นล้านบาท ที่จะกระจายเข้ามาในหุ้นใน MSCI Thailand และจะมีหุ้น 4 บริษัท ที่คาดว่าจะถูกนำเข้าคำนวณใหม่ในรอบเดือน พ.ค.นี้ ได้แก่ INTUCH, DTAC, RATCH, CENTEL!!
รวมทั้งแนะนำหุ้นอิงเศรษฐกิจในประเทศได้แก่ AMATA, STEC, BJC, GUNKUL!!
อินเด็กซ์ 51