ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 19 พ.ย.61 ปิดที่ 1,636.48 จุด เพิ่มขึ้น 1.48 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 29,913.87 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 469.51 ล้านบาท
หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 48.75 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, ADVANC ปิด 180.50 บาท บวก 4 บาท, CPALL ปิด 69.50 บาท บวก 0.25 บาท, KBANK ปิด 196.50 บาท ลบ 2 บาท และ AOT ปิด 65.25 บาท บวก 0.75 บาท
เอเซียพลัส ออกบทวิเคราะห์ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ 1 ม.ค.63 จะมีผลกระทบต่อกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มากน้อยแค่ไหนนั้น
เอเซียพลัสประเมินผลกระทบจาก พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯ มี 2 ส่วน คือส่วนแรก ประเภทที่ดินที่ใช้ประโยชน์เชิงพาณิชยกรรม เช่น โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่า ซึ่งกลุ่มนี้ในอดีตถูกเก็บภาษี 2 ส่วนคือ ภาษีโรงเรือน และรายได้ประเมิน แต่ตามกฎหมายใหม่จะถูกจัดเก็บบนฐานราคาประเมินมูลค่าทรัพย์สิน
ดังนั้นการจัดเก็บจากคนละฐานการประเมิน อาจทำให้จำนวนเงินที่ถูกจัดเก็บภาษีเปลี่ยนไปจากเดิม เพราะจะมีภาระจ่ายคงที่ แตกต่างจากการจัดเก็บในอดีต ที่อัตราการจัดเก็บจะผันแปรไปตามรายได้ และภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้น
ส่วนที่สอง โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขาย กลุ่มเป้าหมายที่จะถูกจัดเก็บภาษี ได้แก่ บ้านหลังแรกที่มีราคาสูงกว่า 50 ล้านบาทขึ้นไป และบ้านหลังที่ 2 ขึ้นไป โดยบ้านราคาสูงกว่า 50 ล้านบาทนั้น
ฝ่ายวิจัยฯ เชื่อว่าเป็นส่วนน้อยของตลาด และราคาบ้านที่สูงถึง 50 ล้านบาท ผู้ซื้อไม่น่ามีปัญหาเรื่องภาระภาษีที่ต้องเสีย จึงประเมินผลกระทบจำกัด ขณะที่บ้านหลังที่ 2 ขึ้นไป ซึ่งไม่ได้ระบุราคา เชื่อว่าจะได้รับผลกระทบ เนื่องจากไม่ได้มีเรื่องภาษีเท่านั้น แต่ยังถูกกระทบจากมาตรการของแบงก์ชาติที่คุมเข้มการปล่อยสินเชื่อ (LTV) บ้านหลังที่ 2 ด้วย ทั้งนี้ประเภทที่อยู่อาศัยที่จะถูกกระทบคือ กลุ่มคอนโดมิเนียม
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จึงต้องเน้นบริษัทที่มีพอร์ตสินค้ากระจายตัว ทั้งประเภทของสินทรัพย์, รายได้ และเป็นหุ้น Dividend Yield สูง ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ ชื่นชอบ ได้แก่ LH และ QH!!
อินเด็กซ์ 51