นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ปี 60 มีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) จ่ายเงินปันผลทั้งสิ้น 487 บริษัท มูลค่ารวม 478,092 ล้านบาท แบ่งเป็น บจ. ใน SET 400 บริษัท มูลค่า เงินปันผล 473,270 ล้านบาท และ บจ.ใน mai 87 บริษัท มูลค่าเงินปันผล 4,822 ล้านบาท โดยมูลค่าเงินปันผลส่วนใหญ่หรือ 52% ของ ทั้งหมด เกิดจาก บจ.ที่อยู่ในหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค ธนาคาร และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ทั้งนี้ บจ.มีอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) เฉลี่ย 3.41% ขณะที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Property fund & REITs) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานมีอัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ย 5.97% และ 7.04% ตามลำดับ
นางเกศรากล่าวว่า บจ.ใน SET ที่จ่ายเงินปันผลสูงสุด 5 อันดับแรก คือ บมจ. ปตท. (PTT) บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือเอไอเอส บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และ บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) มีมูลค่ารวมกัน 132,085 ล้านบาท หรือ 28% ของมูลค่าเงินปันผลใน SET สำหรับ บจ. ใน mai ที่จ่ายปันผลสูงสุด คือ บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART) บมจ.บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป (BROOK) บมจ.บางกอก เดคคอน (BKD)
บมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (TSE) และ บมจ.ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ (FPI) มีมูลค่าเงินปันผลรวม 1,470 ล้านบาท หรือ 30% ของมูลค่า เงินปันผลใน mai ขณะที่ บจ.ที่มี Dividend Yield สูงสุด คือ บมจ.แปซิฟิกไพพ์ (PAP) บมจ.พรีเมียร์ เทคโนโลยี (PT) บมจ.บางสะพานบาร์มิล (BSBM) บมจ.หลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) (KGI) และ บมจ.ทรีนีตี้ วัฒนา (TNITY) มี Dividend Yield 9.42% ถึง 15.23%.