หุ้นไทยสูงสุดเป็นประวัติการณ์  ฤกษ์ดีปีใหม่เงินบาทแข็งโป๊ก!รอบ 32 เดือน

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

หุ้นไทยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ฤกษ์ดีปีใหม่เงินบาทแข็งโป๊ก!รอบ 32 เดือน

Date Time: 4 ม.ค. 2561 06:15 น.

Summary

  • ฤกษ์ดีปีใหม่ หุ้นไทยทะยานขึ้นทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหุ้นไทยมา 43 ปี โดยทำสถิติใหม่สูงสุดที่ 1,778.53 จุด ต่างชาติและกองทุนในประเทศแย่งกันเข้าซื้อชุลมุน ท่ามกลางเงินบาทที่แข็งโป๊กในรอบ 32 เดือน

Latest

หุ้นไทยพุ่งเกือบ 20 จุด  กนง.ลดดอกเบี้ย ดึงเงินไหลเข้า  เชื่อ 1,500 จุดผ่านไม่ยาก

ฤกษ์ดีปีใหม่ หุ้นไทยทะยานขึ้นทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหุ้นไทยมา 43 ปี โดยทำสถิติใหม่สูงสุดที่ 1,778.53 จุด ต่างชาติและกองทุนในประเทศแย่งกันเข้าซื้อชุลมุน ท่ามกลางเงินบาทที่แข็งโป๊กในรอบ 32 เดือน แบงก์กรุงศรีฟันธง 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯเอาไม่อยู่ แนะผู้ประกอบการส่งออก–นำเข้า ล็อกเป้าค่าเงินปิดความเสี่ยง

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันที่ 3 ม.ค.วันทำการแรกของปี 61 ปรากฏว่ามีแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่น ดันดัชนีหุ้นไทยทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง จนทุบสถิติจุดสูงสุดเดิมที่ตลาดหุ้นไทยเคยทำไว้เมื่อวันที่ 4 ม.ค.37 ที่ระดับ 1,753.73 จุด จึงถือว่าดัชนีหุ้นไทยวันนี้ทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ตลาดหุ้นก่อตั้งและเปิดการซื้อขายมาในปี 18 หรือเปิดทำการมา 43 ปีแล้ว

โดยดัชนีหุ้นไทยวันที่ 3 ม.ค.61 ปิดที่ระดับ 1,778.53 จุด ปรับขึ้น 24.82 จุด หรือ 1.42% จากสิ้นปี 60 ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายรวม 88,076.86 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,694.79 ล้านบาท ผสมโรงด้วยกองทุนในประเทศซื้อสุทธิ 2,105.45 ล้านบาท ขณะที่รายย่อยฉวยโอกาสขายทำกำไร โดยขายสุทธิออกมา 4,571.71 ล้านบาท และพอร์ตโบรกเกอร์ขายสุทธิ 228.53 ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) รวมของตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าเพิ่มขึ้น โดยล่าสุดอยู่ที่ 18.17 ล้านล้านบาท เทียบกับมูลค่ามาร์เก็ตแคป 3.3 ล้านล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ม.ค.37

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์กล่าวว่า การปรับขึ้นของตลาดแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในการลงทุนของนักลงทุน ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจและความสามารถในการ ทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพยขอแนะนำให้ผู้ลงทุนพิจารณาลงทุนในบริษัทที่มีผลประกอบการที่ดีและมีแนวโน้มเติบโตในอนาคต พร้อมศึกษาข้อมูลของบริษัท และติดตามข่าวทั้งในและต่างประเทศที่เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน

ด้านนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้กล่าวว่า การลงทุนในหุ้นไทยปีนี้จะมี 3 สิ่งใหม่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นผลบวกต่อการปรับขึ้นของดัชนีคือ 1.วงจรการลงทุนรอบใหม่ โดยเครื่องจักรในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีนี้ทุกตัวจะเป็นบวกหมด โดยเฉพะการลงทุนภาครัฐและเอกชน 2.การเลือกตั้งครั้งใหม่ มองว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้ในเดือน พ.ย. และจากการศึกษาข้อมูลในอดีตพบว่าในปีที่มีการเลือกตั้ง กระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าลงทุนหุ้นไทยมักเป็นบวก 3.หุ้นไทยจะปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ โดยนอกจากปัจจัยหนุนในประเทศแล้ว ปัจจัยภายนอกยังเอื้อให้หุ้นไทยสามารถขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ได้ไม่ยาก ทั้งสภาพคล่องและการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งล่าสุดหุ้นไทยก็ได้ทำจุดสูงสุดใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว

ขณะที่ฝั่งการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไทยเปิดตลาดวันแรกของปี โดยนางสาวรุ่ง สงวน–เรือง ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดวันแรกของปี 61 ที่ระดับ 32.43 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งสุดในรอบ 32 เดือน นับจากเดือน เม.ย.58 ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมองค่าเงินบาทสัปดาห์แรกของปีเคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.60 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 32.58 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว “เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง กรุงศรีมองว่ามีโอกาสแข็งค่าหลุดระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยสิ้นปีนี้ได้เห็นค่าเงินบาทแข็งค่าไปอยู่ที่ 31.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนั้น ผู้ประกอบการส่งออกและนำเข้าควรปิดความเสี่ยงค่าเงินบาทที่ผันผวน”

ด้านนายธิติ ตันติกุลนันท์ ผู้บริหาร สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ค่าเงินบาทไทยปีนี้ยังมีโอกาสแข็งค่าขึ้น แต่ระดับการแข็งค่าน้อยกว่าปี 60 โดยประเมินว่าค่าเงินจะแข็งค่าไปแตะ 32.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ