นางภรณี ทองเย็น รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัท หลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ช่วงที่เหลือปีนี้หุ้นไทยมีโอกาสแตะ 1,700 จุดได้ แต่อาจไม่ขึ้นไปไกลจากนี้ เพราะปัจจุบันราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (พี/อี) 16.5 เท่า ถือว่าเริ่มแพง บนอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปีนี้โตที่ 7% หรือมีกำไรรวมกัน 990,000 ล้านบาท ขณะที่คาดว่าเงินทุนต่างชาติจะยังคงไหลเข้าต่อเนื่องจากตอนนี้ถึงสิ้นปีได้อีก 15,000-20,000 ล้านบาท จากที่ปีนี้มียอดซื้อสะสมสุทธิแล้ว ราว 12,000 ล้านบาท เป็นผลจากการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชนเริ่มกลับมาลงทุนมากขึ้น
ขณะที่มองเป้าดัชนีปีหน้าจะไปต่อได้ที่ 1,766 จุด ทำให้ราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (พี/อี) เฉลี่ยจะลดลงมาเหลือ 15 เท่า บนพื้นฐานผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัวอยู่ที่ 4% กำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) รวมกันอยู่ที่ 1.07 ล้านล้านบาท หรือเติบโตจากปีนี้ 8.9% แนะนำลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่การเติบโตของสินเชื่อโต 6-7% ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ดีขึ้น โดยเน้นแบงก์ขนาดใหญ่ รวมถึงหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม โดยเฉพาะที่ได้ประโยชน์จากโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ในช่วงเวลา 5 ปี คาดว่าจะมีการลงทุน 1.5 ล้านล้านบาท และกลุ่มรับเหมาที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนครั้งใหญ่ของรัฐในรอบหลายปี
ด้าน น.ส.อุษณีย์ ลิ่วรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเอเซีย พลัส กล่าวว่า คาดการณ์กำไรของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ทั้งหมด 10 แห่ง ไตรมาส 3 จะอยู่ที่ 49,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.2% จากไตรมาส 2 ที่มีกำไร 46,300 ล้านบาท แต่ลดลง 5.54% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 51,800 ล้านบาท แต่โดยรวมถือว่าดีขึ้น โดยเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่ที่มีค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ลดลง รายได้จากค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น.