ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 20 ก.ย.60 ปิดที่ 1,670.65 จุด ลบ 1.94 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 64,239.98 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,895.20 ล้านบาท, กองทุนในประเทศขายสุทธิ 1,096.31 ล้านบาท, พอร์ตโบรกเกอร์ซื้อสุทธิ 308.29 ล้านบาท รายย่อยซื้อสุทธิ 2,683.22 ล้านบาท
ตลาดปรับตัวลงเล็กน้อยจากแรงขายทำกำไรหลังปรับขึ้นไปมากทั้งเร็วและแรง หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด AOT ปิด 59.25 บาท ลบ 1.75 บาท, TRUE ปิด 6.45 บาท บวก 0.10 บาท, KBANK ปิด 213 บาท ลบ 3 บาท, MINT ปิด 40 บาท บวก 0.25 บาท และ SCC ปิด 510 บาท บวก 4 บาท
บล.เอเซียพลัส มีบทวิเคราะห์น่าสนใจ เรื่อง “ภาษีน้ำหวาน ของแสลงหุ้นกลุ่มเครื่องดื่ม...ชาเขียวหนักสุด” โดย พ.ร.บ.สรรพสามิต ที่มีผลบังคับใช้เมื่อ 16 ก.ย.โดยมีการจัดเก็บภาษีกลุ่มเครื่องดื่มที่ขายในประเทศทั้งหมด
ฝ่ายวิจัยเอเซียพลัสมองว่า เป็นแรงกดดันความสามารถในการทำกำไรครั้งใหญ่ของผู้ประกอบการเครื่องดื่ม โดยเฉพาะชาเขียว ที่ไม่เคยเสียภาษีสรรพสามิตมาก่อน อย่าง ICHI ต้องเสียภาษีทั้งตามราคาขายและปริมาณน้ำตาล ขณะที่มียอดขายในประเทศสูงถึง 80% ของยอดขายรวม
ขณะที่ OISHI มีธุรกิจกระจายมากกว่า คือ อาหาร 50% เครื่องดื่ม 50% และยังเป็นการส่งออก 20% เป็นผลิตแบบ OEM 20% ที่เหลือ 60% ขายในประเทศ ผลกระทบจึงน้อยกว่า
SAPPE ได้รับผลกระทบน้อยสุด ไม่น่าเกิน 10% ของยอดขายรวม เนื่องจากขายในประเทศ 30% และผลิตภัณฑ์บางส่วนได้รับยกเว้นการเก็บภาษีตามมูลค่า
ขณะที่การลอยตัวราคาน้ำตาลในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ จะส่งผลกระทบอีกระลอกต่อเครื่องดื่ม โดยต้นทุนน้ำตาลคิดเป็น 10% ของต้นทุนทั้งหมดก่อนรวมภาษีสรรพสามิต
ขณะที่มองว่า การที่ตลาดชาเขียวหดตัว จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้ประกอบ-การจะผลักภาระไปให้ผู้บริโภค โดยการขึ้นราคาขาย จึงมีโอกาสที่จะปรับประมาณการปี 61 ของกลุ่มเครื่องดื่ม แนะนำให้เลี่ยงการลงทุน และหันไปลงทุนหุ้นอาหาร
ขณะที่มีบทวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ที่ระบุว่า จากการที่ กกพ.คาดจะมีการประกาศมาตรการส่งเสริมโซลาร์รูฟเสรีภายใน ต.ค.นี้ เป็นบวกต่อ WHAUP จึงแนะนำ “ซื้อ” ยังมีปัจจัยบวกอีกคือ งบ 3Q60 จะเติบโตสูง ให้เป้าหมายระยะยาวที่ 6.90 บาท.
อินเด็กซ์ 51