จับตาราคาทองอีก 3 เดือนข้างหน้า คาดทำนิวไฮรอบใหม่ พุ่งทะลุ 33,500 บาท

Investment

Gold

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

จับตาราคาทองอีก 3 เดือนข้างหน้า คาดทำนิวไฮรอบใหม่ พุ่งทะลุ 33,500 บาท

Date Time: 8 พ.ค. 2566 15:06 น.

Video

ล้วงลึกอาณาจักร “PCE” สู่บริษัทมหาชน ปาล์มครบวงจร | On The Rise

Summary

  • อินเตอร์โกลด์ แนะนักลงทุนจับตา "ราคาทองคำ" อีก 3 เดือนข้างหน้า คาดทำนิวไฮรอบใหม่ พุ่งทะลุ 33,500 บาท

อินเตอร์โกลด์ แนะนักลงทุนจับตา "ราคาทองคำ" อีก 3 เดือนข้างหน้า คาดทำนิวไฮรอบใหม่ พุ่งทะลุ 33,500 บาท

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักวิเคราะห์จากอินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด ระบุว่า ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำไทย ปรับตัวขึ้นสูงสุดในประวัติศาสตร์ทะลุ 32,500 บาท เกือบแตะที่ระดับ 33,000 บาท จึงส่งผลให้ผู้ที่ถือทองคำอยู่ในมือหลายราย กำลังพิจารณาหาจังหวะนำทองคำออกมาขายทำกำไร

อย่างไรก็ตาม ด้วยปัจจัยพื้นฐานหลายประการ เราเชื่อว่าราคาทองอาจทุบสถิติราคาพุ่งสูงสุดที่ระดับ 33,500 บาท ในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้า โดยอินเตอร์โกลด์ มองว่า ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ราคาทองยังคงมีแนวโน้มที่ดีจากความไม่แน่นอนด้านวิกฤติเศรษฐกิจ และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ที่อาจขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้ ที่ระดับไม่เกิน 5.25% ตามที่เฟดได้วางไว้ โดยที่ในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ อยู่ที่ระดับ 5.00%

ขณะเดียวกัน วิกฤติที่สั่นคลอนภาคธนาคารในสหรัฐฯ และยุโรปจากช่วงต้นปีที่ผ่านมา ดังจะเห็นได้จากวิกฤติธนาคารซิลิคอนวัลเลย์ทางฝั่งสหรัฐฯ จนถึงธนาคารเครดิตสวิสของทางฝั่งยุโรป ส่งผลให้นักลงทุนยังขาดความมั่นใจในการลงทุนภาคธนาคาร เนื่องจากหวั่นเกรงการซ้ำรอยวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ เงินลงทุนจึงไหลเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ซึ่งดันให้ราคาทองเริ่มสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของต้นปีที่ผ่านมา

หากย้อนกลับไป เราจะเห็นได้ว่าปลายเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา สถานการณ์วิกฤติภาคธนาคารและตลาดหุ้นคลี่คลายลง ตลาดทองคำที่เคยได้อานิสงส์จากความกังวลวิกฤติภาคธนาคารจะล้มจนลามเป็นวิกฤติใหญ่ๆ เริ่มคลี่คลาย ดังที่เราได้เห็นว่าตั้งแต่ช่วงต้น เม.ย. ราคาทองคำไม่ได้พุ่งขึ้นอย่างดุดันมากเท่าไร และเริ่มมีการสร้างฐานหรือปรับตัวออกข้างในกรอบที่ค่อนข้างกว้างระดับหนึ่ง เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลงบ้าง และนักลงทุนเริ่มมีความมั่นใจในการกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นอีกครั้ง หลังจากที่ได้รับแรงกดดันอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา

ด้านเทคนิค หากตลาดยังคงทำทรงดีอยู่ ช่วงปลายปี 66 นี้ เราอาจจะได้เห็นการไหลของเงินกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยง เช่น ตลาดหุ้น เพราะหากธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มคงอัตราดอกเบี้ยจนถึงปี 2566 ก่อนจะถึงเวลาที่เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยลง คาดการณ์ว่าถ้าเศรษฐกิจมีปัญหา อาจจะมีการพิมพ์เงินกลับเข้าสู่ระบบ

ทั้งนี้ เงินที่กองกันอยู่ในตลาดทองคำ อาจมีการไหลออกมาสู่ผลตอบแทนที่ดีกว่าก็เป็นได้ ประเมินว่าเราระยะสั้น ราคาทองรายเดือนอาจไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เห็นได้จากราคาทองที่ไม่อาจยืนเหนือ 32,500 บาท หรือคิดเป็น 2000 ดอลลาร์สหรัฐได้ แต่เมื่อไรที่ราคาทองยืนเหนือ 32,500 บาทได้นั้น เราอาจจะได้เห็นราคาทองคำในตลาดขึ้นไปแตะจุดสูงสุดทุบสถิติรอบใหม่

อย่างไรก็ตาม สัญญาณราคาทองคำช่วงนี้เป็นไปในลักษณะ Sideway up โดยในช่วงแรกราคาจะวิ่งอยู่ในช่วงของ 31,800-32,300 บาท หรือคิดเป็น 1,930-1,980 ดอลลาร์สหรัฐ และในช่วงหลังราคาที่เราเจอกัน จะอยู่ที่ 32,300-32,800 บาท หรือคิดเป็น 1,980-2,030 ดอลลาร์สหรัฐ

ดังนั้น หากราคาทองคำไม่หลุดต่ำกว่า 31,800 บาท เราอาจจะได้เห็นการพุ่งทะยานขึ้นแตะระดับ 2,050-2,070 ดอลลาร์สหรัฐ ได้ไม่ยาก ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นเราอาจได้เห็นราคาทองคำไทยขึ้นทะลุ 33,000 บาทได้ ถ้าไม่มีปัจจัยด้านดอกเบี้ยทองคำในระยะ 1-3 เดือนนี้ ยังคาดหวังขาขึ้นได้ต่อไป ถ้าไม่ได้มีประเด็นอะไรใหม่ที่ทำให้ความเสี่ยงระดับโลกเพิ่มขึ้น ทองน่าจะเริ่มลดความสำคัญลงในช่วงปลายปีนี้

ทั้งนี้ ราคาทองที่จะพุ่งทุบสถิติรอบใหม่หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ตั้งแต่แนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่อาจเป็นการขึ้นครั้งสุดท้ายของปี 2023 นี้ และปัจจัยที่ค่อยๆ สุมไฟขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างเรื่องการแบ่งขั้วของมหาอำนาจทางการค้า ระหว่างสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร (จีน รัสเซีย และชาติในแถบกลุ่มตะวันออกกลาง) จากกระแสความเพลี่ยงพล้ำของสหรัฐฯ ทำให้โลกเริ่มมองฝั่งทางจีนอาจพลิกกลับมาเป็นมหาอำนาจในโลกใหม่หรือไม่ เพราะฉะนั้นสำหรับนักลงทุนทองคำก็ต้องติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ไม่พลาดเมื่อโอกาสมาถึง.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ