ชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย หรือ บลจ.กรุงไทย ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคมบลจ.) หรือ AIMC และหนึ่งในผู้บริหารเงินกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 เปิดเผยถึงนโยบายการลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ในช่วงสถานการณ์ตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องนั้น กองทุนจะเน้นการลงทุนในลักษณะเชิงตั้งรับ ไม่เข้าไล่ราคาหุ้น ทั้งนี้ ทางกองทุนมีกระแสเงินสดจำนวนมากที่พร้อมจะเข้าลงทุนหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง
“วายุภักษ์ ตอนนี้เรามีกระแสเงินสดจำนวนมาก ซึ่งเราน่าจะมีเงินในระดับหลายหมื่นล้านที่พร้อมซื้อหุ้นไทย ซึ่งในช่วงเดือนที่ผ่านมา หลายบริษัทที่ถือหุ้นอยู่มีการจ่ายเงินปันผลจำนวนมาก ก็เป็นเม็ดเงินที่ทำให้เราพร้อมเข้าลงทุนเพิ่มขึ้นด้วย”
อย่างไรก็ตาม การลงทุนของวายุภักษ์ในช่วงตลาดหุ้นปรับตัวลดลงแรง จะเป็นไปในเชิงการตั้งรับหุ้น ไม่เข้าไปไล่ราคาหุ้น หรือดำเนินการในลักษณะผลักดันตลาด ซึ่งวายุภักษ์ยังมีมุมมองที่ดีต่อตลาดหุ้นไทยที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปอย่างมาก แต่ถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ ธุรกิจเหล่านั้นก็จะเติบโตได้อีกไกล โดยเราลงทุนอย่างระมัดระวังมาโดยตลอด
ทั้งนี้ ในมุมมองของนักลงทุนสถาบันต่อตลาดหุ้นไทย เวลานี้ตลาดหุ้นถูกผลักดันด้วยอารมณ์การลงทุนค่อนข้างหนัก แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐาน นักลงทุนสถาบันพร้อมที่จะลงทุน เพราะมองว่าการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนยังมีปัจจัยพื้นฐานอยู่
“แม้ว่าช่วงนี้เราห้ามความกังวลนักลงทุนไม่ได้ แต่หากหุ้นร่วงหนัก ๆ โดนกระแทกหนัก ๆ นักลงทุนก็ต้องหยุด ต้องกลับมาคิดว่า ตลาดหุ้นไทยไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น เศรษฐกิจมีการเติบโต ภาครัฐกำลังช่วย หลายปัจจัย หลายหน่วยงาน ก็พยายามจะช่วย แต่เรื่องความเชื่อมั่นมันห้ามไม่ได้” ชวินดา กล่าว
แต่ถ้ายังขายอยู่แล้วกลับมาซื้อไม่ทัน เป็นโอกาสที่สูญเสียไป เราเป็นจุดที่เป็นความเสี่ยงด้านขาลงต่ำ และโอกาสเปิดให้มากกว่าขาขึ้น เรามองเศรษฐกิจไปต่อได้
สำหรับประเด็นการลงทุนในหุ้น DELTA หรือ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่วายุภักษ์เข้าไปถือจำนวน 111 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 0.89% นั้น ที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงนโยบายการลงทุนนั้น
ชวินดา อธิบายว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการตัดสินใจของผู้จัดการกองทุน และมองว่าเป็นไปอย่างเหมาะสม ทั้งนี้เม็ดเงินที่ลงทุนในหุ้น DELTA นั้นไม่ได้เยอะเมื่อเทียบกับพอร์ต
ด้าน ดร.ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา อยู่ในช่วงปรับฐานซึ่งลดลงกว่า 17.9% จากระดับสูงสุดในรอบนี้ ทั้งนี้ปัจจัยที่เข้ามากดดันในตลาดหุ้นไทยยังเป็นเรื่องสงครามการค้าที่สร้างความปั่นป่วนต่อการลงทุนทั่วโลก
ทั้งนี้ เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลดลง สิ่งที่พบคือ อัตราเงินปันผลหุ้นไทยเริ่มน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งในมุมของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะดำเนินการใน 2 ส่วน คือ การดำเนินการในด้านดีมานด์ ซึ่งตอนนี้มีแล้ว 3 มาตรการ คือ ThaiESG, ThaiESGX, วายุภักษ์
นอกจากนี้จะมีการแก้ไขกฎหมายต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกมากขึ้น เช่น การปลดล็อกการซื้อหุ้นคืน ซึ่งอาจจะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับนักลงทุนในปีนี้ได้
ส่วนฝั่งซัพพลายไซด์ ที่ ตลท.กำลังดำเนินการเพิ่มคุณภาพของบริษัทจดทะเบียนที่กำลังทำอยู่ เช่น Jump+ ที่จะช่วยสร้างการเติบโตให้กับบริษัทจดทะเบียนในระยะยาว เก็บสภาพคล่อง และหาโอกาสในการลงทุน เพื่อหาโอกาสในการลงทุน
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ให้คนไทย "มีการเงินดีชีวิตดี" ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/investment
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney
การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดย ยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล