การจัดพอร์ตกองทุนประหยัดภาษี เป็นสิ่งที่หลายคนละเลย เพราะส่วนมากมองว่าได้สิทธิในการลดหย่อนภาษีแต่ละปีก็เพียงพอแล้ว แต่ในความเป็นจริง หากเราให้ความสำคัญในการจัดพอร์ตกองทุนนอกจากช่วยประหยัดภาษีแล้ว ยังมีโอกาสการลงทุนที่กว้างขึ้น เพราะอย่างบางกองทุนเช่น SSF หรือ RMF สามารถลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้ ในขณะเดียวกันระยะเวลาการถือครองที่มีความแตกต่างกัน หากเราจัดพอร์ตให้เหมาะสม จะช่วยลดปัญหา การถือครองที่นานเกินความจำเป็น ซึ่งอาจส่งผลต่อสภาพคล่องของเราในอนาคต
ก่อนอื่นเราต้องมีเข้าใจลักษณะของการถือครองของกองทุนแต่ละชนิดกันก่อน
เริ่มต้นที่ RMF หรือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ : Retirement Mutual Fund เป็นกองทุนที่สามารถลงทุนได้ทั้งสินทรัพย์ในประเทศและต่างประเทศ โดยกำหนดระยะเวลาการลงทุน จนถึงอายุ 55 ปี และครบ 5 ปีนับจากวันที่ซื้อ
SSF หรือ กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว : Super Saving Fund นโยบายการลงทุนสามารถลงทุนได้ในหลากหลายสินทรัพย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยกำหนดระยะเวลาการถือครอง 10 ปีนับจกวันที่ซื้อ
TESG หรือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ Thailand ESG Fund: Thai ESG มี กำหนดให้ลงทุนในหุ้น หรือ ตราสารหนี้ ที่มีความยั่งยืนทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งจะต้องถือครอง 5 ปี (วันชนวัน)
ทั้งนี้ข้อกำหนดของการซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี นั้น SSF กับ RMF ซื้อรวมกัน ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 5 แสนบาท ส่วน TESG สามารถซื้อลงทุนให้ได้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ 3 แสนบาท โดยจะไม่นับรวมกับ SSF และ RMF ส่งผลให้เราสามารถ ซื้อกองทุนประหยัดภาษีได้สิทธิลดหย่อนสูงสุด 8 แสนบาท
เมื่อทราบถึงชนิดของกองทุนแต่ละประเภทแล้ว สิ่งที่มนุษย์ เงินเดือนต้องพิจารณาหากต้องการซื้อกองทุนให้ถือครองให้สั้นที่สุดด้วย โดย TREASURIST ได้ให้คำแนะนำสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมของแต่ละช่วยวัน
เริ่มต้นที่อายุต่ำว่า 45 ปี ที่รับความเสี่ยงได้สูงกว่า และในขณะเดียวกันยังเลือกประเภทการลงทุนได้หากหลาย เงินกองแรกให้ลงทุนใน TESG โดยสามารถลงทุนใน TESG เป็นตัวเลือกแรก รองลงมา คือกองทุน SSF และวาง RMF เป็นกองทุนท้าย
พอร์ตอายุ 45-50 ปี กลุ่มอายุนี้ค่อนข้างต้องใช้ความปราณีตในการจัดพอร์ต ซึ่งหากถือ SSF นั้นต้องใช้เวลาการถือครอง 10 ปี อาจทำให้ต้องถือครองกองทุนนานกว่าการถือกองทุนประเภทอื่น ดังนั้น TREASURIST ให้คำแนะนำในการเลือกซื้อกองทุนอย่าง TESG โดยสามารถซื้อได้สูงสุดที่ 3 แสนบาท และ 5 แสนถัดไปให้ลงทุนใน RMF ได้
ส่วนพอร์ตของกลุ่มสุดท้าย อายุ 50 ปีขึ้นไป ในกลุ่มนี้จะถูกข้อกำหนดให้ถือครอง 5 ปี ดังนั้นการลงทุนใน SSF อาจไม่ตอบโจทย์เช่นกัน ดังนั้นการเลือกลงทุนใน RMF ที่กำหนดให้ถือครอง 5 ปี และ TESG จะตอบโจทย์มากกว่า โดยสามารถซื้อรวมกันได้สูงสุดที่ 8 แสนบาท
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่