3 กองทุนลดหย่อนภาษี 2567 ลดหย่อนสูงสุด 8 แสนบาท มีเงื่อนไขแบบไหนบ้าง

“ในโลกใบนี้ ไม่มีสิ่งใดที่แน่นอน ยกเว้นความตายและภาษี” คำกล่าวอมตะของ เบนจามิน แฟรงคลิน ยังคงเป็นจริงจนถึงทุกวันนี้ แม้สองสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราก็สามารถบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ ด้วยการวางแผนอย่างรอบคอบทั้งในด้านการเงิน การลงทุน และการดูแลสุขภาพ

สำหรับการวางแผนภาษีนั้น สามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งหนึ่งในวิธีที่สามารถ “ลดหย่อนภาษี” และยังทำให้เรามีเงินออมรวมถึงได้ผลตอบแทนกลับมาด้วย นั่นคือ “การลงทุน” ในกองทุนลดหย่อนภาษีที่มีประสิทธิภาพ

ในครั้งนี้ “Thairath Money” จะพาไปรู้จักกองทุน 3 ประเภท ที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ รวมกันสูงสุด 800,000 บาท ซึ่งทุกคนสามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างเต็มที่ เพื่อลดภาระที่ไม่จำเป็นและเพิ่มโอกาสในการออมและลงทุนด้วย ดังนี้

1.กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (Super Saving Fund) หรือ กองทุน SSF

• มีนโยบายการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
• ลดหย่อนภาษีสูงสุด 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ไม่เกิน 200,000 บาท
• ระยะเวลาถือครอง 10 ปี
• เมื่อรวมกับกองทุนลดหย่อนภาษีประเภทอื่นๆสามารถลดหย่อนภาษีรวมกันได้ไม่เกิน 500,000 บาท

2.กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund) หรือ กองทุน RMF

• มีนโยบายการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
• ลดหย่อนภาษีสูงสุด 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ไม่เกิน 500,000 บาท
• ระยะเวลาถือครอง 5 ปี และต้องลงทุนต่อเนื่องจนถึงอายุ 55 ปี
• เมื่อรวมกับกองทุนลดหย่อนภาษีประเภทอื่นๆ สามารถลดหย่อนภาษีรวมกันได้ไม่เกิน 500,000 บาท

3.กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund) หรือ กองทุน Thai ESG 

• มีนโยบายการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ ที่เน้น ESG ในประเทศไทย
• ลดหย่อนภาษีสูงสุด 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ไม่เกิน 300,000 บาท
• ระยะเวลาถือครอง 5 ปี
• สามารถลดหย่อนภาษีได้เพิ่มเติมจากกองทุนประเภทอื่นๆ เมื่อเต็มเพดาน ทำให้สามารถลดหย่อนภาษีรวมกันได้สูงสุด 800,000 บาท