Thairath OnlineThairath PlusThairath SportThairath TVMIRROR

GULF กลายร่างเป็น “เสือติดปีก” ฐานทุนเกือบ 4 แสนล้านหลังกลืน INTUCH จับตา “กสิกรไทย” เป้าหมายต่อไป

Date Time: 26 มี.ค. 2568 15:57 น.

Summary

  • การรวมร่างสำเร็จแล้วสำหรับ GULF ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของประเทศ กับ INTUCH โฮลดิ้งยักษ์ด้านการสื่อสารรายใหญ่ ซึ่งเป็นดีลประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของธุรกิจในไทย ที่จะเปลี่ยนธุรกิจด้านโครงสร้างพื้นฐานไปตลอดกาล

การรวมร่างสำเร็จแล้วสำหรับบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของประเทศ กับ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ  INTUCH โฮลดิ้งยักษ์ด้านการสื่อสารรายใหญ่ ซึ่งเป็นดีลประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของธุรกิจในไทย ที่จะเปลี่ยนธุรกิจด้านโครงสร้างพื้นฐานไปตลอดกาล

ล่าสุดที่ประชุมผู้ถือหุ้นของทั้ง 2 บริษัท ระหว่างผู้ถือหุ้นของบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และผู้ถือหุ้นของบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ได้มีมติอนุมัติการควบรวมบริษัทและจัดตั้งบริษัทใหม่ หรือ NewCo โดยจะใช้ชื่อใหม่ว่า “บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)”

ขณะเดียวกัน หุ้น GULF และ INTUCH ได้ขอหยุดการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเข้าสู่กระบวนการควบรวมบริษัท โดย GULF ได้ขอเปลี่ยนใช้ตัวย่อว่า GULFI และทั้ง 2 หุ้นจะถูกนำออกจากตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 2 เม.ย.นี้ และจะกลับเข้ามาทำการซื้อขายใหม่ โดยใช้ชื่อใหม่คือ “บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)” หรือ “GULFI” ในวันที่ 3 เม.ย.นี้ นับเป็นวันเสร็จสิ้นกระบวนการควบรวม

ทุนจดทะเบียน 14,939,837,683 บาท ซึ่งเทียบเท่ากับทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วทั้งหมดของ GULF และ INTUCH รวมกัน แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวนทั้งสิ้น 14,939,837,683 หุ้น โดยมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท

การควบรวมกันของทั้ง 2 บริษัทจะทำให้ GULF เติบโตแบบติดปีก โดยภายหลังจากการควบรวมกัน ธุรกิจใหม่จะสร้างรายได้ให้กับกลุ่ม GULF อย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ด้านโทรคมนาคม และดาต้าเซ็นเตอร์

สารัชถ์ รัตนาวะดี รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  GULF  มองว่าการควบรวมกันครั้งนี้จะทำให้ GULF มีสถานะการเงินที่แข็งแกร่งมากขึ้น ต้นทุนการเงินต่ำลง โดยคาดว่า GULF จะมีส่วนแบ่งกำไรมากกว่า 3,500 ล้านบาทต่อปี รับเงินปันผลกว่า 6 พันล้านบาท อัตราหนี้สินต่อทุนต่ำกว่า 1 เท่า เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างเต็มที่

บล.กสิกรไทย ประเมินว่า GULF ยังมั่นใจในการเติบโตหลังควบรวมเสร็จสิ้น ทั้งนี้ บริษัทเน้นย้ำว่าจะขยายการลงทุนด้านพลังงานอย่างต่อเนื่อง และมองหาโอกาสไปยังธุรกิจพลังงานใหม่ ๆ นอกจากพลังงานไฟฟ้า

สำหรับธุรกิจอื่น ๆ อย่างการร่วมลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์นั้น บริษัทตั้งเป้าหมายจะเปิดให้บริการเฟสแรก 25 เมกะวัตต์ ในช่วงต้นปี 2568 โดยมีอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง มีลูกค้าเกือบเต็มแล้ว และตั้งเป้าหมายจะเพิ่มกำลังการรองรับศูนย์ข้อมูลเพิ่มขึ้นอีก 50 เมกะวัตต์ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม มุมมองของ บล.กสิกรไทย มองว่า GULF จะมีโอกาสเติบโตในระยะยาว โดยโครงการลงทุนในมือมีจำนวนมาก และความสามารถในการควบรวมกิจการ รวมถึงความโดดเด่นในการพัฒนา ยังเป็นปัจจัยหลักที่จะสนับสนุนการเติบโตของบริษัท

หากอิงกับงบการเงินเสมือน ฐานทุนของบริษัทใหม่อาจเพิ่มขึ้นเป็น 3.7 แสนล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทใหม่จะมีการแสดงงบการเงินครั้งแรกในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 นี้


KBANK เป้าหมายถัดไป ? 


อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งประเด็นที่ GULF ถูกจับตา คือ การเข้าถือหุ้นในธนาคารกสิกรไทย โดยปัจจุบันถือหุ้น 3.25% นับเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน Top 5 ของ KBANK ซึ่งอาจส่งสัญญาณการเข้าสู่ธุรกิจใหม่อีกครั้ง และจะทำให้ GULF แข็งแกร่งทั้งในธุรกิจสัมปทานและธุรกิจการเงิน

โดย บล.บัวหลวง มองว่า GULF ปัจจุบันถือหุ้น 3.25% ใน KBANK ซึ่งส่งผลให้ตลาดเริ่มคาดเดาว่า GULF อาจมีเจตนาจะทำการลงทุนเช่นเดียวกับที่เคยทำกับ INTUCH แม้ GULF ได้ประกาศต่อสาธารณะว่าการถือหุ้นใน KBANK นี้มีจุดประสงค์เพื่อการซื้อขายและรับเงินปันผลเท่านั้น แต่หาก GULF เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในธนาคาร นั่นจะบ่งชี้ถึงความสนใจทางกลยุทธ์ที่มากขึ้น

การถือหุ้น KBANK จะหนุนกำไรอย่างมหาศาล

จากมุมมองทางการเงิน GULF จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากการลงทุนใน KBANK เนื่องจากต้นทุนการเงินที่ลดลงจากการเพิ่มขึ้นของอันดับเครดิต และฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้นหลังการควบรวมกับ INTUCH 

อีกทั้งยังผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ KBANK ทำให้กระแสเงินปันผลมีความมั่นคง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของ GULF

โดยที่การถือหุ้น 3.25% ในปัจจุบัน มีการประมาณการว่าอาจมีอัพไซด์ประมาณ 1.2% ต่อประมาณการกำไรของ GULF ในปี 2568

อีกทั้ง ในกรณีที่ดีที่สุด หาก GULF สามารถผ่านอุปสรรคด้านกฎระเบียบและซื้อหุ้น 30% ใน KBANK ได้ อัพไซด์ต่อกำไรของ GULF อาจเพิ่มขึ้นได้ถึง 43%

การขยับครั้งใหญ่ของ GULF ในปี 2568 นี้ จึงเป็นอีกสิ่งที่ต้องจับตามอง เมื่อ “เสือติดปีก” และ GULF จะไม่ใช่เพียงธุรกิจพลังงาน แต่คือผู้กุมบังเหียนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ 

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ


เราใช้คุ้กกี้

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก(Privacy Policy) และ (Cookie Policy)