ตลาดหุ้นไทยไตรมาสแรกของปี 2568 เปิดฉากด้วยความผันผวนหนัก แม้วอลุ่มการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติจะครองอันดับ 1 ด้วยมูลค่ามหาศาล แต่กลับขายสุทธิสูงถึง 3.7 หมื่นล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบัน (กองทุน) และ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บัญชี บล.) ยังเฮโลซ้ำเติมตลาดรวม 1.16 หมื่นล้านบาท
ทิ้งให้นักลงทุนรายย่อยเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่ซื้อสุทธิ 4.8 หมื่นล้านบาท ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลงอย่างหนัก 215.28 จุด หรือ -15.01% นับตั้งแต่ต้นปี (2 ม.ค.-25 มี.ค. 68)
เปิดสถิติข้อมูลการซื้อขายจากตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่า แม้ว่านักลงทุนต่างชาติจะเป็นกลุ่มที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดคิดเป็นกว่า 53% ของมูลค่าการซื้อทั้งหมดในตลาดหุ้นไทย แต่กลับเลือก "ขายสุทธิ" อย่างต่อเนื่องกว่า 37,105.66 ล้านบาท
ไม่ใช่แค่ต่างชาติเท่านั้นที่ขายออก นักลงทุนสถาบัน หรือ “กองทุนในประเทศ” และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ก็ร่วมกันลดพอร์ตลงทุนเช่นกัน ด้วยยอดขายสุทธิ 3,320.13 ล้านบาท และ 8,354.25 ล้านบาท ตามลำดับ
ส่งผลให้แรงกดดันต่อดัชนีทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะกองทุนในประเทศ ที่เคยเป็นความหวังในการพยุงตลาดหุ้นไทย อย่างนโยบายการจัดตั้งทั้ง “วายุภักษ์” และ “Thai ESG” ที่ภาพรวมนั้นกลับพลิกมาเป็นผู้ขายสุทธิเสียเอง
แม้ว่านักลงทุนรายย่อย จะเป็นกลุ่มเดียวที่ซื้อสุทธิที่ 48,780.14 ล้านบาท แต่ก็ไม่สามารถแบกตลาดหุ้นไทยได้ เพราะต้องเผชิญแรงเทขายจาก 3 กลุ่มหลัก ส่งผลให้ ดัชนีดิ่งลงอย่างหนัก
ณ วันที่ 25 มีนาคม 2568 ดัชนีตลาดหุ้นไทย หรือ SET Index อยู่ที่ 1,184.93 ปรับตัวลดลง 215.28 จุด หรือ -15% นับตั้งแต่ต้นปี (2 ม.ค.-25 มี.ค. 68) ด้วยกระแสเงินทุนไหลออก และแรงเทขายที่มีมาอย่างต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นไทยอยู่ภายใต้ภาวะกดดัน หากไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาหนุน แนวโน้มตลาดอาจยังเผชิญกับแรงกดดันต่อไป ต้องจับตาดูว่าปัจจัยในไตรมาสถัดไปจะเปลี่ยนทิศทางตลาดได้หรือไม่
ฝ่ายวิจัยฯ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงทุกปีรวมลบมา 484 จุด หรือ -29%
เกิดจากต่างชาติมีอิธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดยปัจจุบันมีสัดส่วนการซื้อขายในตลาดสูงถึง 53.8% ซึ่งสวนทางกับนักลงทุนรายย่อยที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นน้อยลงเรื่อยๆ โดยปัจจุบันมีสัดส่วนการซื้อขายในตลาดเพียง 29.1%
ซึ่งการที่ดัชนีปรับตัวลงแรงในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากการถูกต่างชาติขายสุทธิอย่างหนักหน่วง โดยต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยหนักทุกปี รวม 3.77 แสนล้านบาท สวนทางกับนักลงทุนไทยที่ค่อยๆ เข้าไปสะสม 2.65 แสนล้านบาท ทำให้นักลงทุนในประเทศเกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง
ประเด็นดังกล่าวทำให้หุ้นไทยผันผวนในช่วงที่ผ่านมา และกดดันให้เม็ดเงินส่วนหนึ่งของนักลงทุนไทยออกไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น สังเกตได้จากยอดบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (FCD) ของไทยพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่แตะ 2.63 หมื่นล้านเหรียญฯ ในยามที่ดอกเบี้ยประเทศอื่นสูงกว่าไทย
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้