Thairath OnlineThairath PlusThairath SportThairath TVMIRROR

ว่าด้วยเรื่องกองทุนลดหย่อนภาษี!!

Date Time: 21 มี.ค. 2568 18:55 น.

Summary

  • มีคำถามว่า ถ้าไม่อยากลงทุนใน Thai ESGX หากถอนออกจากกองทุน LTF แล้วไปลงทุนกองทุนลดหย่อนภาษีอื่นได้หรือไม่ เช่น อยากไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ที่มองว่ามีโอกาสเติบโตได้เร็วกว่าตลาดหุ้นไทย หรืออยากกระจายลงทุนสินทรัพย์อื่นๆ และต้องการได้ลดหย่อนภาษีด้วย ก็ต้องไปพิจารณาดูกองทุนลดหย่อนภาษีอื่นๆ เช่น RMF ที่มีนโยบายการลงทุนสอดคล้องกับความต้องการลงทุนของเรา เพียงแต่จะไม่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษี สำหรับเงินลงทุนในส่วนที่ให้สิทธิประโยชน์สำหรับเงินที่โยกจากกอง LTF มากอง Thai ESGX วงเงินในส่วนไม่เกิน 3 แสนบาทดังกล่าว เพราะจะเข้าไปอยู่ในส่วนของวงเงินลดหย่อนของกองทุน RMF

เชื่อว่ามนุษย์เงินเดือน ตั้งแต่พนักงานออฟฟิศยันผู้บริหารระดับสูง หรือแม้แต่คนทำงานฟรีแลนซ์จำนวนมาก ที่ลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการลงทุนในหุ้นระยะยาว หรือ LTF เพื่อใช้สิทธิพิเศษนำเงินลงทุนไปลดหย่อนรายได้ โดยนำไปคำนวณการจ่ายภาษีรายได้บุคคลธรรมดา

โดยเฉพาะกองทุน LTF ที่ส่วนใหญ่จะมีผลขาดทุน หลังจากดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมายืนอยู่แถว 1,200 จุด แต่ช่วงที่ทยอยเข้าซื้อกองทุนดังกล่าวในแต่ละปีนั้น ดัชนีหุ้นยืนอยู่ตั้งแต่ระดับ 1,200 จุด จนเกือบทะลุ 1,800 จุด

ทำให้เมื่อครบกำหนดเวลาที่สามารถไถ่ถอนหรือขายคืนหน่วยลงทุน LTF ได้แล้ว ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไร เพราะทำใจไม่ได้กับผลขาดทุนตั้งแต่ 10-60% แม้บางส่วนจะยอมตัดใจขาย รับผลขาดทุน ขณะที่หลายคนก็ปล่อยทิ้งค้างไว้อย่างนั้น ยึดคติ "ไม่ขาย-ไม่ขาดทุน"

ซึ่งจากข้อมูลที่เปิดเผย พบว่ามีเงินที่ยังค้างอยู่ในกองทุนรวม LTF ที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทย ลงทุนครบกำหนด 5 ปีสามารถขายออกมาได้ มีมูลค่าราว 1.8 แสนล้านบาท ซึ่งหากมีการไถ่ถอนและขายหุ้นในกองทุน LTF ออกมาในตลาด จะส่งผลกระทบให้ราคาหุ้นหรือดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงไปได้อีก เพราะตั้งแต่ต้นปี 2568 (YTD) ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงแรงอย่างมีนัยสำคัญถึงกว่า 240 จุด หรือลดลงกว่า 17%

จึงเป็นที่มาให้มีการจัดตั้ง "กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน แบบพิเศษที่จัดตั้งขึ้นใหม่ หรือ Thai ESGX" ที่ให้สิทธิประโยชน์นำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ เพื่อรองรับเงินที่จะถูกไถ่ถอนออกจากกองทุน LTF โดยโยกหรือเปลี่ยนเข้ามาลงทุนในกองทุน Thai ESGX เพื่อหวังพยุงหรือประคองตลาด ไม่ให้ปรับตัวลงจากแรงขายหุ้นของกองทุน LTF

ขณะเดียวกันก็เป็นการส่งเสริมให้ Thai ESGX ลงทุนในหุ้นที่มี ESG หรือ ธรรมาภิบาลที่ดีมากขึ้น เพราะมีความคิดว่า บริษัทที่มี ESG ถือเป็นบริษัทที่ดีรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม ผู้บริหารมีธรรมาภิบาลซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทหรือธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน!!

โดยมีการกำหนดเกณฑ์ให้กองทุน Thai ESGX ลงทุนหุ้นไทย 65% ของ NAV (มูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดของกองทุน) โดยต้องเป็นหุ้นในกลุ่มที่มีคุณสมบัติ ดังนี้

  1. เป็นบริษัทที่มีเรตติ้งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล หรือเป็นบริษัทที่ได้รับเรทติ้งด้าน SET ESG Rating หรือในระดับสากลอื่น ๆ อาทิ MORNING STAR, FTSE, MSCI เป็นต้น
  2. เป็นบริษัทที่เปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งผ่านการทวนสอบได้รับการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.)
  3. เป็นบริษัทที่มีการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียน หรือ CGR ที่ดำเนินการโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) เกินกว่า 90 คะแนน และเปิดเผยข้อมูลใน ESG Data Platform ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เกินกว่า 85% ของไอเทม ซึ่งมีการเปิดเผยว่ามี 260 หุ้น ที่เข้าข่ายได้ 1 ใน 3 ข้อข้างต้นนี้

ทั้งนี้ กองทุน THAI ESGX จะเปิดขายให้บุคคลทั่วไป ตั้งแต่ 1 พ.ค. ถึง 30 มิ.ย. 2568 นี้ และถือเป็นเม็ดเงินใหม่ โดยเงินลงทุนสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 3 แสนบาท

ส่วนที่ 2 คือเงินลงทุนที่ย้ายจากกองทุน LTF มาลงทุนใน Thai ESGX จะเปิดให้มีการแสดงความจำนงเปลี่ยนหรือโยกเงินจากกองทุน LTF มาลงทุนในกองทุน THAI ESGX ได้ในช่วง 2 เดือน คือตั้งแต่ 1 พ.ค. ถึง 30 มิ.ย.2568 นี้เท่านั้น โดยสามารถนำมาใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ในปี 2568 ได้ไม่เกิน 3 แสนบาท และได้อีกไม่เกินปีละ 5 หมื่นบาท ไปอีก 4 ปี ตั้งแต่ปี 2569-2572

เช่น ย้ายเงินลงทุนจากกอง LTF มาอยู่ใน Thai ESGX 5 แสนบาท ก็จะได้สิทธิลดหย่อนภาษีปี 2568 จำนวน 3 แสน และปีถัดไปปีละ 5 หมื่นบาท เท่ากับเป็นการทยอยรับสิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 5 แสนบาท ภายใน 5 ปี เท่ากับว่า ในปี 2568 นี้ ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะสามารถใช้สิทธินำเงินลงทุนในกองทุน Thai ESGX มาลดหย่อนได้ถึง 6 แสนบาท

ขณะเดียวกันผู้เสียภาษียังมีทางเลือกอีก 2 ทางสำหรับการประหยัดภาษี คือ การลงทุนในกองทุน Thai ESG เดิม ที่ยังใช้ลดหย่อนภาษีได้อีกไม่เกิน 3 แสนบาท หรือไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี โดยกองทุนนี้มีระยะเวลาถือครอง 5 ปี

และยังสามารถนำเงินลงทุนในกองทุนระยะยาวเพื่อเกษียณ ไม่ว่าจะเป็นกองทุน RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD), กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.), กองทุน กบข., กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน และประกันชีวิตแบบบำนาญ รวมทั้งหมดลดหย่อนได้ไม่เกิน 5 แสนบาท

เท่ากับว่า หากเราลงทุนแบบซื้อเต็มแม็กซ์ชนเพดาน จะสามารถลดหย่อนภาษีปี 2568 ได้สูงสุดถึง 1.4 ล้านบาท คือจาก Thai ESGX 6 แสน, Thai ESG 3 แสน และ RMF 5 แสน เพราะเพดานลดหย่อนของแต่ละแบบแยกต่างหากจากกัน แต่ขึ้นอยู่กับฐานรายได้ที่ต้องเสียภาษีของแต่ละคน รวมทั้งแผนการเงินและการลงทุนของตัวเอง

ขณะที่มีคำถามว่า ถ้าไม่อยากลงทุนใน Thai ESGX หากถอนออกจากกองทุน LTF แล้วไปลงทุนกองทุนลดหย่อนภาษีอื่นได้หรือไม่ เช่น อยากไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ที่มองว่ามีโอกาสเติบโตได้เร็วกว่าตลาดหุ้นไทย หรืออยากกระจายลงทุนสินทรัพย์อื่นๆ และต้องการได้ลดหย่อนภาษีด้วย ก็ต้องไปพิจารณาดูกองทุนลดหย่อนภาษีอื่นๆ เช่น RMF ที่มีนโยบายการลงทุนสอดคล้องกับความต้องการลงทุนของเรา

เพียงแต่จะไม่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษี สำหรับเงินลงทุนในส่วนที่ให้สิทธิประโยชน์สำหรับเงินที่โยกจากกอง LTF มากอง Thai ESGX วงเงินในส่วนไม่เกิน 3 แสนบาทดังกล่าว เพราะจะเข้าไปอยู่ในส่วนของวงเงินลดหย่อนของกองทุน RMF

ดังนั้นจึงต้องพิจารณาเลือกลงทุนให้เหมาะกับความต้องการและแผนการลงทุนของตัวเองเพราะหลายคนไม่ได้มีรายได้สูงมาก จนต้องไปใช้สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีทุกรายการของกองทุนดังกล่าว!!

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/personal_finance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney 


 

ขออภัยในความไม่สะดวก ระบบกำลังตรวจสอบการใช้งาน กรุณาลองใหม่อีกครั้ง

Thairath Poll

สำรวจข้อมูลทางประชากรศาสตร์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์

สถานะของคุณคือ

การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดย ยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล


Author

วณิชยา แสงทอง

วณิชยา แสงทอง
ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ


เราใช้คุ้กกี้

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก(Privacy Policy) และ (Cookie Policy)