เงินกู้ออนไลน์ร้อนแรง จริงหรือเปล่า

งานนี้เรียกได้ว่าโดนใจสุดๆ ของบรรดากลุ่มคนร้อนเงิน ที่ต้องการใช้เงินเดี๋ยวนี้!!!

ในฟากฝั่งของสถาบันการเงิน ที่เป็นเจ้าตลาดสินเชื่อบุคคล หรือสินเชื่อออนไลน์ ไม่ยอมเสียลูกค้าไปง่ายๆ ยิงโปรสู้ทันที ทั้งยิงผ่านออนไลน์ทันที แถมยังส่งข้อมูลผ่าน SMS  ด้วยใจความสั้นๆ “เงินทันใจ รู้ผลทันที ง่ายไวกว่าเดิม รีบสมัครด่วน”

ถ้ามองกันแบบผิวๆ ตลาดสินเชื่อออนไลน์แข่งขันดุเดือด จินตนาการได้ว่า ตลาดสินเชื่อบุคคลฟื้นแล้ว หลังจากซมจากพิษโควิดมา 2 ปี 

แต่หากล้วงลึกเข้าไปดูข้อมูลเนื้อใน พบว่าในยามเศรษฐกิจไม่ดี ของแพง ค่าครองชีพสูง รายได้ไม่พอรายจ่าย บัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคล นับเป็นเป้าหมายแรก ของแหล่งเงินที่หยิบยืมมาใช้ล่วงหน้า

เมื่อสถาบันการเงิน จัดโปรสินเชื่อออนไลน์ แบบตอบโจทย์ กระแสตอบรับดีมีคนแห่สมัครใช้บริการไม่ขาดสาย ความต้องการใช้เงินล้นทะลัก แต่สิ่งที่น่าตกใจ มียอดอนุมัติเงินกู้ไม่ถึง 10% ยกตัวอย่างเช่น มีผู้สมัครใช้สินเชื่อออนไลน์ 100 คน มีคนที่ได้รับอนุมัติเงินกู้ไม่ถึง 10 คน แตกต่างกับช่วงเศรษฐกิจดี เงินหาง่าย ยอดอนุมัติสินเชื่อบุคคลจะสูงถึง 40-60 %   

เรียกได้ว่าก่อนอนุมัติสินเชื่อออนไลน์ สถาบันการเงินกลัวหนี้เสีย คัดเลือกกันแบบเข้มสุดๆ ทั้งดูรายการเดินบัญชี คำนวณรายได้ ตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโร และยังต้องฝ่าโจทย์หินยุคดิจิทัล ใช้ AI มาจับพฤติกรรมการใช้จ่าย และความเป็นอยู่การใช้ชีวิต ใช้สมาร์ทโฟนรุ่นไหน ยังกินหรูอยู่สบาย ท่องเที่ยวช้อปปิ้งหรือเปล่า เมื่อนำข้อมูลเข้าสู่เครดิตสกอริ่ง ปรากฏว่าสินเชื่อถูกปฏิเสธเป็นจำนวนมาก

แตกต่างกับการให้บริการสินเชื่อออนไลน์ในยุคแรกๆ การอนุมัติสินเชื่อดูจากประวัติเครดิตบูโร และการเดินบัญชีผ่านบัญชี จนเกิดอาชีพใหม่รับจ้างแต่งบัญชี โอนเงินเข้าออกบัญชีเพื่อตบตาสถาบันการเงิน ให้ดูเหมือนมีรายได้เพียงพอต่อการชำระหนี้ และเมื่อสินเชื่อได้รับอนุมัติ ขอเก็บค่าหัวคิว 20%

เรียกได้ว่าอาชีพรับจ้างแต่งบัญชี สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ เป็นที่นิยมกันมาก เพียงแต่เมื่อลูกค้าที่ได้รับสินเชื่อไม่สามารถชำระหนี้ได้ ท้ายที่สุดก็กลายเป็นหนี้เสีย  

จุดเริ่มต้นบริการสินเชื่อออนไลน์ และหนี้เสียที่เกิดขึ้น ถือเป็นบทเรียน สถาบันการเงินอุดช่องโหว่ นำ AI เข้ามาตรวจจับ บัญชีที่มีขอใช้สินเชื่อออนไลน์ หากมีบัญชีที่มีประวัติโอนเงินเข้าออก เพื่อตบแต่งบัญชี จะถูกปฏิเสธสินเชื่อทันที ทำให้อาชีพรับจ้างแต่งบัญชีเริ่มหายไปจากตลาด

กลับมาดูต้นเหตุของสินเชื่อบุคคลที่ได้รับอนุมัติน้อยมาก หากเข้าไปดูข้อมูลในเครดิตบูโร พบว่า มีลูกค้าสินเชื่อบุคคลที่เป็นลูกค้าเดิม เข้าข่ายถูกปฏิเสธสินเชื่อ 6.22 ล้านบัญชี แบ่งเป็น สินเชื่อบุคคลที่เป็นหนี้เสีย 5.4 ล้านบัญชี มีมูลหนี้รวม 2.55 แสนล้านบาท สินเชื่อบุคคลที่เริ่มหยุดชำระหนี้ 8.11 แสนบัญชี คิดเป็นมูลหนี้ 8.06 หมื่นล้านบาท และยังมีสินเชื่อรายย่อย ทั้งสินเชื่อบ้าน สินเชื่อบุคคล และบัตรเครดิต ที่ลูกค้าประสบปัญหาจากโควิด เข้ามาตรการช่วยเหลือของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)  ทั้งพักชำระหนี้ ยืดหนี้ ผ่อนชำระขั้นต่ำ แม้ว่าลูกค้าในกลุ่มนี้ยังไม่จัดเป็นสินเชื่อเอ็นพีแอล มีอีก 4.9 ล้านบัญชี หรือ 3.4 ล้านคน มีหนี้รวมกัน 3.7 แสนล้านบาท ที่สถาบันการเงินจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง เข้าข่ายถูกปฏิเสธสินเชื่อ  

หากนับรวมลูกค้าที่เป็นหนี้เสีย ของสินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อบ้าน และบัตรเครดิต รวมๆกัน 1.77 ล้านบัญชี และมีหนี้กำลังจะเสียอีก 8 แสนบัญชี 

คำนวณเบ็ดเสร็จลูกค้ารายย่อยที่อยู่ในฐานข้อมูลเครดิตบูโร เข้าข่ายถูกปฏิเสธสินเชื่อมีสูงถึง 13.69 ล้านบัญชี หรือประมาณ 9 ล้านคน

ดังนั้นตลาดสินเชื่อบุคคลยังไม่ฟื้นตัวได้ง่าย สะท้อนจากพอร์ตสินเชื่อบุคคลทั้งตลาด ยังทรงตัวอยู่ที่ 2.5 ล้านล้านบาท หากเทียบกับปีก่อนยังเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2-3 %  

โดยสินเชื่อที่เพิ่มส่วนใหญ่ มาจากสถาบันการเงินที่มุ่งเน้นปล่อยกู้ให้กับลูกค้าเดิม ที่ยังมีกำลังผ่อนชำระ และยังทำตลาดในรูปแบบของการรวมหนี้ นำสินเชื่อบุคคลมารวมกับสินเชื่อบ้าน ช่วยลดภาระดอกเบี้ย ยืดเวลาผ่อนชำระ และจ่ายค่างวดลดลง 

สรุปแล้ว สินเชื่อบุคคลฟื้นตัวได้จริง ต้องรอผู้กู้เงินมีรายได้เพิ่มขึ้น มีเงินเพียงพอต่อการก่อหนี้ และชำระหนี้ ซึ่งหากต้นปี 2567 เศรษฐกิจดีขึ้น มนุษย์เงินเดือนมีรายได้เพิ่ม  นับไปอีก 6 เดือนสินเชื่อบุคคลจะกลับมาร้อนแรง หรือเกิดขึ้นช่วงกลางปี 2567

ติดตามข่าวสารอัปเดต เศรษฐกิจ เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจในประเทศ บทวิเคราะห์เศรษฐกิจ ล่าสุด ได้ที่นี่

ข่าวเศรษฐกิจ : https://www.thairath.co.th/money/economics 

เศรษฐกิจนในประเทศ : https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ

เศรษฐกิจโลก : https://www.thairath.co.th/money/economics/world_econ