สิงคโปร์ ตำแหน่งฮับกาสิโนสะเทือน นักวิเคราะห์มองไทยมีศักยภาพ เป็นฮับคาสิโนใหญ่อันดับสามของโลก หลังเมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2568 ที่ผ่านมา ครม. มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ ร่าง พ.ร.บ. เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานำไปปรับปรุงรายละเอียด ก่อนส่งต่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ย้อนกลับไปช่วงการแพร่ระบาดโควิด อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสิงคโปร์ได้หยุดชะงักลง เนื่องจากลูกค้าไม่สามารถเดินทางมาใช้บริการ Marina Bay Sands Singapore (MBS) โรงแรมหรูที่เต็มไปด้วยกิจกรรมความบันเทิงแบบครบวงจร รวมถึงเป็นฮับคาสิโนระดับโลก โดยสองบริษัทเจ้าของคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ คือ Las Vegas Sands (LVS) เจ้าของ MBS และ Genting เจ้าของ Resorts World Sentosa ต้องชะลอแผนขยายธุรกิจครั้งใหญ่ออกไป
ตอนนี้เศรษฐกิจของสิงคโปร์ฟื้นตัวเกือบเต็มที่แล้วหลังโควิด ประกอบกับการผูกขาดธุรกิจคาสิโนโดยสองบริษัทเจ้าใหญ่ ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Integrated Resort: IR) เติบโตอย่างก้าวกระโดด และเพิ่มการเดิมพันเป็นสองเท่าว่าสิงคโปร์จะยังคงเป็นศูนย์กลางการพนันระดับโลกที่สำคัญ โดยทั้งสองบริษัทตั้งเป้าที่จะลงทุนขยายธุรกิจ มูลค่ารวมกันกว่า 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าของการประมาณการก่อนโควิด
Patrick Dumont ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ LVS กล่าวว่า “นี่จะเป็นสถานที่การพนันและการบริการที่สำคัญที่สุดในโลก”
ในปี 2562 สิงคโปร์มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าเป็น 19.1 ล้านคนจาก 9.7 ล้านคนในปี 2552 ในขณะที่จำนวนผู้เดินทางเข้าประเทศในปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 85% ของระดับก่อนเกิดโควิด รายรับจากการท่องเที่ยวคาดว่าจะสูงถึง 2.75-2.9 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (6.97-7.35 แสนล้านบาท) ซึ่งเป็นการทุบสถิติใหม่ ด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านมองสิงคโปร์เป็นต้นแบบในการพัฒนาสถานบันเทิงครบวงจร หรือ Entertainment Complexes ของตัวเอง
Terence Ho รองศาสตราจารย์ภาคปฏิบัติคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสิงคโปร์ กล่าวว่า รีสอร์ทกาสิโน "จะยังคงเป็นแกนหลักของการท่องเที่ยวของสิงคโปร์ต่อไป"
อย่างไรก็ตาม แม้ธุรกิจกาสิโนในสิงคโปร์จะประสบความสำเร็จ แต่โมเดลธุรกิจดังกล่าวก็เหมือนกับการเล่นพนันที่ไม่สามารถคาดเดาผลลัพธ์ได้ การที่ประเทศไทยและฟิลิปปินส์ประกาศเข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาดหน้าใหม่ ยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้กับสิงคโปร์ โดยทั้งสองประเทศจะนำโมเดล IR มาปรับใช้เพื่อพัฒนาสถานประกอบการท่องเที่ยวแบบครบวงจรในรูปแบบของตัวเอง โดยมีเป้าหมายเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและเม็ดเงินลงทุนใหม่ๆ
ด้วยประชากรที่คลั่งไคล้การพนัน โครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวที่พัฒนาแล้ว และความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอลง นักวิเคราะห์ของ Citigroup ประเมินว่า ประเทศไทยอาจกลายเป็นศูนย์กลางการพนันที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก รองจากมาเก๊าและลาสเวกัส โดยคาดการณ์ว่ารายได้จากการพนันของไทยอาจสูงถึง 9.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2574 แซงหน้าของสิงคโปร์ซึ่งอยู่ที่ 8.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หากดำเนินการแบบเต็มรูปแบบ พร้อมกับการจัดสรรใบอนุญาต 2 ใบ จากการดำเนินธุรกิจแบบคู่ขนานทั้งในกรุงเทพฯ และพัทยา ภูเก็ต และเชียงใหม่
Rob Goldstein ซีอีโอของ LVS กล่าวถึงประเทศไทยในการรายงานผลประกอบการเมื่อปีที่แล้วว่า "ประเทศไทยเป็นตลาดที่น่าตื่นเต้นมากในหลายๆ ระดับ และด้วยจำนวนประชากร การเข้าถึง และความเต็มใจของผู้คนที่จะเดินทางมาประเทศไทย เห็นได้ชัดว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางรีสอร์ทอันดับหนึ่งในเอเชีย"
สอดคล้องกับข้อมูลของ Krungsri Securities ที่ประเมินว่า โครงการ Entertainment Complexes จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 17% ต่อปี ดึงดูดความสนใจจากผู้เล่นทั้งในและต่างประเทศ รวมถึง LVS ทั้งนี้ตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ย. 2567 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยแล้ว 32 ล้านคน ซึ่งใกล้เคียงกับสถิติตลอดทั้งปี 2562 ที่ 39 ล้านคน
นอกจากนี้อัตราภาษีการพนันที่เสนอโดยประเทศไทยอยู่ที่ 17% ซึ่งเป็นหนึ่งในอัตราที่ต่ำที่สุดในเอเชีย อัตราภาษีของมาเก๊าอยู่ที่ 40% และของญี่ปุ่นอยู่ที่ 30% อัตราภาษีการพนันของสิงคโปร์อยู่ที่ 18% และ 22% ขึ้นอยู่กับรายได้ประจำปีของผู้ให้บริการ ในขณะที่รายได้จากผู้เล่น VIP จะถูกเรียกเก็บภาษีที่ 8% และ 12% ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่รับ
Citigroup กล่าวในรายงานเดือนพฤศจิกายนว่า "ในมุมมองของเรา รัฐบาลไทยได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างแรงกระตุ้นครั้งสำคัญให้กับการท่องเที่ยว ด้วยการทำให้การพนันถูกกฎหมาย การเร่งผ่านกฎหมายอย่างรวดเร็วเป็นเครื่องพิสูจน์"
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมมองว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า สิงคโปร์จะยังเป็นเจ้าตลาดกาสิโนในอาเซียน แต่ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ เนื่องจากกลุ่มผู้เล่นรายใหญ่จากจีนมีจำนวนลดลง
แดเนียล เฉิง ที่ปรึกษาและอดีตผู้บริหารของ Hard Rock International และ Genting กล่าวว่าปัจจุบันมีผู้เล่นระดับ VIP ชาวจีนจำนวนมากที่ถูกตัดขาด เนื่องจากรัฐบาลจีนพยายามปราบปรามการทุจริต เงินผิดกฎหมาย ผู้ประกอบการ IR "จะต้องพยายามมากขึ้นในการมองหาลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูงแบบถูกกฎหมายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจตัวจริงหรือมหาเศรษฐี"
นอกจากการดึงดูดผู้เล่นที่มีความมั่งคั่งสูงแล้ว LVS ยังกล่าวอีกว่า โครงการ IR2 ที่กำลังจะเริ่มก่อสร้างในเดือน มิ.ย. นั้น มุ่งดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่ต้องการประสบการณ์การเล่นเกมระดับสูงแต่ไม่มีคุณสมบัติเป็นวีไอพี ซึ่งก็คือผู้ที่เปิดบัญชีเงินฝากด้วยเงินคงเหลือขั้นต่ำ 100,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (73,500 ดอลลาร์)
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ผู้เล่นระดับสูงเหล่านี้เป็นกลุ่มสำคัญสำหรับผู้ให้บริการกาสิโน โดยพวกเขาถูกดึงดูดด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่หรูหราและความบันเทิงคุณภาพสูง ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ที่ไม่ได้มาจากการพนัน
ที่มา
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney