รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจเอเชีย Asian Development Outlook โดยธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) หรือ ADB คาดการณ์ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกจะยังคงทรงตัวในปีนี้และปีหน้า แต่คาดว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจระยะยาวของภูมิภาค
ในปีนี้เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกคาดว่าจะเติบโตที่ 4.9% ต่ำกว่าคาดการณ์ของ ADB ในเดือนกันยายนเล็กน้อยที่ 5.0% สำหรับปี 2568 ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจลงเหลือ 4.8% จาก 4.9% โดยมีสาเหตุหลักมาจากอุปสงค์ภายในกลุ่มประเทศเอเชียใต้ที่มีแนวโน้มอ่อนแอลง เช่นเดียวกับคาดการณ์เงินเฟ้อของภูมิภาคที่ปรับลดลงที่ 2.7% จาก 2.8% ในปีนี้ และเหลือ 2.6% จาก 2.9% ในปี 2568 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปรับราคาน้ำมันที่คาดการณ์ไว้
ในระยะสั้น แนวโน้มเศรษฐกิจส่วนใหญ่ในภูมิภาคยังทรงตัว โดยเศรษฐกิจจีนคาดว่าจะเติบโตที่ 4.8% ตามประมาณการเดิม และเติบโตลดลงที่ 4.5% ในปี 2568 สำหรับอาเซียน เศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 4.7% ในปีนี้ จากประมาณการเดิมที่ 4.5% ขับเคลื่อนโดยการส่งออกสินค้าและการใช้จ่ายของภาครัฐ โดยในปี 2568 คาดว่าเศรษฐกิจจะยังทรงตัวที่ 4.7%
อัลเบิร์ต พาร์ค หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ADB กล่าวว่า
“อุปสงค์ภายในประเทศและการส่งออกโดยรวมแข็งแกร่ง ยังเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ อย่างไรก็ตาม การดำเนินนโยบายของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลใหม่ อาจชะลอการเติบโตและกระตุ้นเงินเฟ้อในระดับหนึ่งต่อเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากปี 2568 และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอื่น ๆ ในเอเชียและแปซิฟิกด้วย”
แม้การกลับมาของทรัมป์จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายสำคัญด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายกำแพงภาษีสินค้านำเข้า การบริหารงบประมาณแบบขาดดุล เนื่องจากนโยบายลดอัตราเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล รวมถึงนโยบายลดจำนวนผู้อพยพ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียในระยะยาว แต่ขนาดของผลกระทบยังมีจำกัด เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายเหล่านี้ต้องใช้เวลา และปรับใช้จริงแบบค่อยเป็นค่อยไป
ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนมองว่า การที่ทรัมป์ประกาศกร้าวขึ้นภาษีศุลกากรกับประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะกับจีน เพื่อปกป้องตลาดในประเทศ เป็นเพียงการขู่เพื่อนำไปสู่การเปิดโต๊ะเจรจาผลประโยชน์รอบใหม่ที่สร้างข้อได้เปรียบให้กับสหรัฐฯ มากขึ้น ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เขาเคยใช้ในช่วงการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรกในปี 2562 โดยประกาศผ่านโซเชียลว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษี 5% จากเม็กซิโกภายใน 10 วัน และจะค่อย ๆ เพิ่มระดับขึ้น จนกว่าเม็กซิโกจะห้ามไม่ให้ผู้อพยพลักลอบเข้าสู่ชายแดนทางตอนใต้ของสหรัฐฯ ได้
นอกจากนี้ สงครามการค้าคาดว่าจะทำให้ GDP จีนชะลอตัวลงโดยเฉลี่ยเพียง 0.3% ต่อปีจนถึงปี 2571 เท่านั้น ส่วนการส่งผ่านผลกระทบไปยังภูมิภาคผ่านการค้าและการเชื่อมโยงด้านอื่น ๆ มีแนวโน้มที่จะถูกชดเชยด้วยการย้ายฐานการผลิตของธุรกิจจากจีนไปยังประเทศอื่น ๆ
ทั้งนี้คาดว่า สงครามการค้าจะเริ่มส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจเอเชีย ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป แต่เราอาจเห็นผลกระทบเร็วขึ้น หากนโยบายทั้งหมดถูกปรับใช้ก่อนคาดการณ์เดิมในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2568
ที่มา
ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศ กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/world_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney