วันที่ 18 ธ.ค. 2567 (ตามเวลาสหรัฐฯ) คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) มีมติ 11 ต่อ 1 เสียง ให้ลดดอกเบี้ย 0.25% ลงสู่ระดับ 4.25%-4.5% ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 ในการประชุม หลังจากที่ลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี ในการประชุมเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยมองว่าข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดสะท้อนการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในอัตราที่แข็งแกร่ง และจากต้นปี การจ้างงานได้ชะลอตัวลง ส่วนอัตราการว่างงานก็ปรับตัวสูงขึ้น แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อก็มีความคืบหน้าในการชะลอตัวลงกลับสู่เป้าหมาย 2% แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง แม้แนวโน้มเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน แต่ความเสี่ยงที่จะส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวก็มีความสมดุลมากขึ้น ดังนั้นเพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการจ้างงานที่เต็มศักยภาพและเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ 2% (Dual Mandate) คณะกรรมการ FOMC จึงมีมติให้ "ลด" อัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ทั้งนี้ในคาดการณ์ Dot Plot คณะกรรมการส่วนใหญ่ มองว่า ในปีหน้าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยน้อยลงกว่าที่ประเมินไว้ โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงจะอยู่ที่ 3.75%-4% ภายในสิ้นปี 2568 ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณการปรับลด 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% จากเดิมในเดือนกันยายนที่มีการส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 1.00%
ทั้งนี้คณะกรรมการยังได้ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% ในปี 2569 และลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในปี 2570
เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) กล่าวในงานแถลงข่าวหลังการประชุม FOMC ว่า
“ด้วยการดำเนินการในวันนี้ เราได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้วทั้งสิ้น 1% เต็มจากจุดสูงสุด และนโยบายของเราตอนนี้มีข้อจำกัดน้อยลงอย่างมาก ดังนั้น เราจึงสามารถใช้ความระมัดระวังมากขึ้นในการพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม”
สำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต จะขึ้นอยู่กับความคืบหน้าในการลดเงินเฟ้อ ซึ่งอยู่ในระดับสูงมานาน พาวเวลล์ กล่าวเสริมว่า คณะกรรมการบางรายยังเริ่มคาดเดาสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในปีนี้ จากการดำเนินนโยบายของทรัมป์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ประธานเฟด ยืนยันว่า ความไม่แน่นอนในการดำเนินนโยบายของทรัมป์จะไม่มีผลต่อการพิจารณาอัตราดอกเบี้ย สะท้อนว่าเฟดกำลังเริ่มตระหนักถึงแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ภายใต้การบริหารของทรัมป์
“ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปผลใดๆ เราไม่ทราบว่าจะมีการเรียกเก็บภาษีอะไร จากประเทศใด เป็นเวลานานเพียงใด และมีขนาดเท่าใด เราไม่ทราบว่าจะมีการเรียกเก็บภาษีตอบโต้หรือไม่” พาวเวลล์กล่าว “ขณะนี้ คณะกรรมการกำลังหารือถึงแนวทางต่างๆ และทำความเข้าใจถึงวิธีที่ภาษีอาจส่งผลต่อเงินเฟ้อ”
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า เฟดได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในปี 2567, 2568, 2569 และ 2570 มาอยู่ที่ระดับ 2.5%, 2.1%, 2.0% และ 1.9% ตามลำดับ ขณะที่อัตราการขยายตัวในระยะยาวยังคงอยู่ที่ระดับ 1.8% สอดคล้องกับการปรับเพิ่มคาดการณ์ทิศทางเงินเฟ้อ ในปี 2567, 2568, 2569 และ 2570 มาอยู่ที่ระดับ 2.8%, 2.5%, 2.2% และ 2.0% ตามลำดับ
ที่มา
ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศ กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/world_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney