นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าการส่งออกของจีนจะแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2024 เนื่องจากลูกค้าเร่งคำสั่งซื้อล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงการขึ้นภาษีสินค้าจีน หลังโดนัลด์ ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
จากผลสำรวจนักวิเคราะห์ของ Bloomberg เมื่อวันที่ 15-21 พ.ย. 2567 คาดว่าการส่งออกจะเติบโตเร่งขึ้นเป็น 7% ในไตรมาส 4 ปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 5% ที่เห็นในไตรมาส 3 ปี 2024 ก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ ซึ่งจะผลักดันให้มูลค่าการส่งออกในปี 2024 พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์มาอยู่ที่ 3.55 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทุบสถิติการส่งออกในปี 2022
Erica Tay นักเศรษฐศาสตร์จาก Maybank Investment Banking Group กล่าวว่า “ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า การส่งออกของจีนอาจได้รับประโยชน์จากการกักตุนสินค้าของบริษัทต่างชาติ โดยสงครามการค้าอาจทำให้ผู้กำหนดนโยบายของจีนต้องพึ่งพามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เอื้อต่อการบริโภคมากขึ้นในปีหน้า”
ทั้งนี้มูลค่าการส่งออกในไตรมาสนี้เติบโตที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. ปี 2022 ทำให้จีนมีแนวโน้มที่จะเกินดุลการค้าเป็นประวัติการณ์ที่เกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2024 เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอ ประชาชนขาดความเชื่อมั่นจากปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้าต่อเนื่อง ทำให้จีนเร่งระบายสินค้าไปต่างประเทศเพื่อชดเชยอุปสงค์ในประเทศ แม้รัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา สวนทางกับมูลค่าการนำเข้าที่หดตัวลง ทำให้เกิดกระแสต่อต้านจากประเทศต่างๆ ที่กังวลการหลั่งไหลมาของสินค้าจีนราคาถูก
ทั้งนี้การกลับมาดำรงตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์ในฐานะประธานาธิบดี อาจทำให้สงครามการค้าทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าจะกดดันให้รัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในปีหน้าเพื่อรับมือกับนโยบายกีดกันการค้าจากสหรัฐฯ
นักเศรษฐศาสตร์ของ Bloomberg คาดว่าจีนจะผ่อนคลายสภาพคล่องเพื่อให้ธนาคารต่างๆ ปล่อยกู้เพิ่มผ่านการปรับลดอัตราส่วนเงินสำรอง (RRR) ลง 25 เบสิสพอยท์ในไตรมาสที่ 4 ในขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เช่น อัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (7-day Reverse Repo Rate) ไว้ที่ระดับเดิมจนถึงปี 2025
ทั้งนี้ธนาคารกลางปรับลดอัตราส่วนเงินสำรองครั้งล่าสุดเมื่อเดือนกันยายน ไม่นานหลังจากที่ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) พาน กงเซิง (Pan Gongsheng) ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุก ต่อมาในเดือน ต.ค. ธนาคารกลางจีนเน้นย้ำว่าอาจมีการปรับลดอัตราส่วนเงินสำรองลงอีกประมาณ 25-50 เบสิสพอยท์ภายในสิ้นปี 2024 ขึ้นอยู่กับสภาพคล่องในตลาด
ที่มา
ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศ กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/world_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney