จากการเติบโตของตลาดและความต้องการชิปที่มีมากขึ้น ส่งผลให้หลายประเทศหันมาลงทุนในด้านนี้มากขึ้น ล่าสุดรายงานของ Nikkei Asia พบว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2024 “ประเทศจีน” ทุ่มเงินลงทุนซื้ออุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตชิปไปมากกว่า 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าเกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริการวมกัน
จากข้อมูลของ SEMI ชี้ว่า ประเทศจีนกลายเป็นตลาดอุปกรณ์ที่ใช้ผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยในช่วงครึ่งปีแรกได้ทุ่มเงินจำนวนมหาศาลในการพัฒนาและติดตั้งอุปกรณ์สำหรับผลิตชิป เพื่อเร่งการเติบโตอุตสาหกรรมชิปในประเทศ
นอกจากนี้ จีนยังตั้งเป้าที่จะทุ่มเงินอีกมหาศาลเพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ในอนาคต และคาดว่าทั้งปี 2024 จะใช้งบประมาณทั้งสิ้นกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
และไม่ใช่แค่จีนเท่านั้น SEMI ยังคาดการณ์อีกว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่นจะใช้งบประมาณมากขึ้นในการพัฒนาอุตสาหกรรมชิปในบ้านตัวเอง จากปัญหาด้านนโยบายและการควบคุมการนำเข้า-ส่งออกที่เข้มงวดขึ้น ทำให้หลายประเทศหันมาลงทุนผลิตชิปในบ้านตัวเองมากขึ้น
สำหรับประเทศจีน การลงทุนในอุปกรณ์ผลิตชิปไม่ได้มีแค่บริษัทขนาดใหญ่อย่าง SMIC เท่านั้นที่ทำ แต่ยังพบว่าบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กก็มีการลงทุนด้านนี้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมการลงทุนของทั้งประเทศสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งสวนทางกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
และสวนทางกับไต้หวัน เกาหลีใต้ และอเมริกาเหนือ ที่ผลกระทบจากเศรษฐกิจทำให้การลงทุนด้านนี้ลดลงในปีนี้
นอกจากนี้ จีนยังเป็นแหล่งเงินทุนหลักของบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ผลิตชิปหลายราย จากรายงานงบประมาณไตรมาสล่าสุดของแต่ละบริษัท พบว่า จีนเป็นแหล่งรายได้ของ Applied Materials กว่า 32% Lam Research 39% และ KLA กว่า 44% ด้าน Tokyo Electron ของญี่ปุ่นก็มีรายได้จากจีนมากถึง 49.9% ในขณะที่ ASML ของเนเธอร์แลนด์ก็มีสัดส่วนรายได้ที่มาจากจีนที่ 49%
อย่างไรก็ตาม จากการเดินหน้าทุ่มทุนมหาศาลในอุตสาหกรรมการผลิตของจีนนี้ หากนับตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา จีนทำให้อุตสาหกรรมนี้โตขึ้นแล้วกว่า 15%
ที่มา: Nikkei Asia
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney