ทางการจีนเผยตัวเลข Aggregate Financing เดือน เม.ย. ซึ่งเป็นมาตรวัดการเติบโตของสินเชื่อในภาพรวม พบว่า สินเชื่อโดยรวมหดตัวลงจากเดือนก่อน 27,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 19 ปี
ธทั้งนี้การลดลงของสินเชื่อมีสาเหตุมาจากการออกขายพันธบัตรรัฐบาลที่ช้ากว่าคาดการณ์ เนื่องจาก ธนาคารกลางจีน (PBOC) ชะลอมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน เพื่อลดแรงกดดันต่อค่าเงินหยวน ทำให้มีการชำระคืนพันธบัตรรัฐบาลมากกว่าการขาย รวมถึงการปล่อยสินเชื่อนอกระบบของธนาคารเงา (Shadow Banking) ที่ปรับลดลง ส่งผลให้ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อในเดือน เม.ย. หดตัวลง ท่ามกลางการบริโภคในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว
โดยในเดือน เม.ย. สถาบันการเงินมียอดปล่อยเชื่อใหม่จำนวน 731,000 ล้านหยวน ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 916,000 ล้านหยวน และอัตราการเติบโตของสินเชื่อคงค้าง เมื่อเทียบเป็นรายปีลดลงเหลือ 9.1% จาก 9.2% ในเดือนมีนาคม
ล่าสุด กระทรวงการคลังจีน ประกาศว่า จะเริ่มขายพันธบัตรระยะยาวพิเศษชุดแรกมูลค่า 1 ล้านล้านหยวน (138,000 ล้านดอลลาร์) ในวันศุกร์นี้ เพื่อระดมเงินไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนกระตุ้นการลงทุนของภาครัฐ เพื่อชดเชยความต้องสินเชื่อในภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่หดตัวลง
นับเป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 26 ปี ที่รัฐบาลกลางสั่งให้มีออกขายพันธบัตรระยะยาวพิเศษ โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2564 เมื่อทางการออกพันธบัตรมูลค่า 1 ล้านล้านหยวน เพื่อเป็นเงินอุดหนุนมาตรการรับมือโควิด-19
โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) จะประกาศปรับลดอัตราส่วนการกันสำรองของ ธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลงในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนทางการเงิน ทำให้ธนาคารต่างๆ สามารถซื้อพันธบัตรที่กำลังจะออกขายได้ นอกจากนี้ผลสำรวจโดย Bloomberg ยังคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน
อย่างไรก็ตามแผนการออกขายพันธบัตรระยะยาวพิเศษครั้งนี้จะหนุนการเติบโตเศรษฐกิจของปีนี้ได้ 1% จากเป้าหมายของรัฐบาลกลางที่ 5% ตามข้อมูลของกลุ่มธนาคารออสเตรเลียและนิวซีแลนด์.
อ้างอิง
อ่านข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/world_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney