คนไทยทำอะไรได้บ้าง เมื่อสินค้าจีนทะลักสู่ตลาดโลก แข่งสินค้าท้องถิ่นต่อเนื่อง

บุญชัย ลิ่มอติบูลย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปันได้ จำกัด (Pandai Company Limited) เผยถึงสถานการณ์ปัจจุบันของจีนบนเวที Future Trends Ahead Summit 2024 ที่ยังคงประสบวิกฤติในภาคอสังหาฯ 

ขณะที่ทางการจีนประกาศคาดการณ์ GDP ปี 2024 ในอัตราการเติบโตที่ 5% ซึ่งภาคอสังหาฯ นับว่ามีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีน ด้วยสัดส่วน 25% ของ GDP และท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ จีนจึงต้องดันการเติบโตในภาคอื่นๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เป็นไปตามเป้า 

ภาคการผลิตและการบริโภคจึงกลายมาเป็นปัจจัยสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีน โดยในภาคการผลิตจะเน้นไปที่การผลิตสินค้าคุณภาพสูง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ปัจจุบันมีการส่งออกมากเป็นอันดับหนึ่ง แบรนด์รถจีนใหม่ๆ จะเข้ามาตีตลาดไทยเพิ่มมากขึ้น 

พร้อมกันนี้บุญชัยได้ระบุถึงตลาดยานยนต์จีนว่า ปัจจุบันมีรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนเข้ามาในไทยมากมาย แต่ยังมีอีกหลายแบรนด์ที่ยังไม่ได้เห็นและเป็นแบรนด์ที่โด่งดังมากในจีนอย่างเช่น Nio และ XPeng นอกจากนี้ยังมี Huawei กับ Xiaomi ที่เข้ามารุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งในอีก 5 ปีถัดจากนี้ เราจะได้เห็นจีนขึ้นเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์โลกอย่างแน่นอน

ขณะที่ภาคการบริโภคในจีนนอกจากจะมีการกระตุ้นการบริโภคกันเองในประเทศแล้ว สินค้าจีนส่วนใหญ่ยังถูกส่งออกมาแข่งขันในตลาดต่างประเทศ บุญชัยได้ยกตัวอย่างแบรนด์เมล็ดทานตะวันเจ้าหนึ่งจากจีน ซึ่งเป็นที่นิยมมากในไทย และมียอดขายสูงถึง 1.6 พันล้านบาทในปี 2022

นอกจากนี้ยังได้ระบุถึงภาคการผลิตของจีนว่า “ผมเชื่อว่าเราจะเห็นสินค้าอุปโภคบริโภคจากจีนที่มีคุณภาพดีๆ ไหลเข้าไทยมากขึ้น” พร้อมเสริมว่า จริงๆ แล้วเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้หรือบริโภคสินค้าจีนในกลุ่มสินค้าบางประเภท เนื่องจากไทยไม่สามารถผลิตเองได้ แต่ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไทยผลิตได้นั้น เขาอยากให้ผู้ประกอบการพัฒนาตัวสินค้าให้สามารถแข่งขันกับสินค้าจากต่างประเทศได้

และสุดท้ายบุญชัยได้ฝากถึงผู้ประกอบการไว้สองข้อด้วยกัน อย่างแรกคือให้มีการลงทุนวิจัยและพัฒนาสินค้าเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต และอย่างที่สองซึ่งบุญชัยมองว่าสำคัญมาก คือการให้กลุ่มผู้บริโภคอยู่ในมือของคนไทย เนื่องจากผู้ประกอบการในจีนมีช่องทางเข้าถึงลูกค้าในไทยง่ายขึ้นมาก ดังนั้นแล้วการปรับตัวและพัฒนาตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney