ถกผู้ผลิต-ห้าง หามาตรการช่วยเหลือผู้บริโภคไม่คืบ! 'พาณิชย์' ทำได้แค่จี้ผู้ผลิตต้องแจ้งก่อนลดไซส์ขายราคาเดิม จากเดิมแจ้งหรือไม่ก็ได้ วอนห้างก่อนนำสินค้าวางขาย เช็กให้ชัวร์ว่าลดไซส์หรือไม่ หวังสร้างความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภค พร้อมยันลดไซส์ขายราคาเดิมไม่ผิด เหตุต้นทุนผู้ผลิตขึ้นจริง แต่พยายามบี้ผู้ผลิตให้ลดราคา ได้หรือไม่จับตาให้คำตอบ 16 พ.ค.นี้
เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 60 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ 8 ราย และห้างค้าส่งค้าปลีกสมัยใหม่ 4 ราย เพื่อพิจารณามาตรการกำกับดูแลราคาสินค้าให้เป็นธรรมต่อผู้บริโภค ว่า ได้ขอความร่วมมือผู้ผลิต หากปรับลดปริมาณสินค้า และขนาดบรรจุภัณฑ์ ต้องแจ้งให้กรมการค้าภายในทราบก่อนนำสินค้าไปวางขาย
นอกจากนี้ยังขอให้ห้างตรวจสอบรายละเอียดสินค้าที่จะนำไปวางขายว่ามีการปรับลดปริมาณหรือไม่ และผู้ผลิตได้แจ้งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวต่อกรมการค้าภายในแล้วหรือไม่ เพื่อดูแลราคาสินค้าให้รัดกุม และสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้บริโภค
“มาตรการที่ขอให้ผู้ผลิตแจ้งก่อนลดปริมาณ ลดขนาดบรรจุ ต่อกรมการค้าภายใน เป็นการขอความร่วมมือ ซึ่งผู้ประกอบการทุกรายยินดีที่จะปฏิบัติตาม ขณะที่ห้างก็พร้อมจะช่วยตรวจสอบ ถือเป็นมาตรการที่เพิ่มเติมจากมาตรการปกติที่กระทรวงใช้กำกับดูแลราคาสินค้า และแม้จะเป็นการขอความร่วมมือ แต่ผู้ผลิตต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด จากเดิมที่หากไม่แจ้งก็ไม่เป็นไร”
สำหรับสินค้าที่ปรับลดปริมาณและขนาดบรรจุภัณฑ์ 2 รายการที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ ทั้งครีมอาบน้ำตราโพรเทคส์ และผลิตภัณฑ์ซักฟอก ตราบรีส เอกเซลนั้น ผู้ผลิตได้แจ้งว่า ขณะนี้ต้นทุนสารเคมีที่ใช้ในการผลิตมีราคาสูงขึ้น เมื่อเทียบกับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จึงต้องหาทางลดต้นทุน ซึ่งการยังคงขายราคาเดิม ถือว่าไม่มีความผิด เพราะยังเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาขายที่ผู้ผลิตแจ้งไว้กับกรม
ทั้งนี้ ต้นทุนครีมอาบน้ำ ขนาดบรรจุเดิม 500 มิลลิลิตร (มล.) ราคาจำหน่ายปลีกแนะนำตามต้นทุนข้อมูลตั้งแต่ปี 57 อยู่ที่ขวดละ 184 บาท แต่ผู้ผลิตขายที่ 165 บาท และขนาดใหม่ 450 มล. เริ่มตั้งแต่เดือน เม.ย.60 ราคาจำหน่ายปลีกแนะนำขวดละ 165 บาท ราคาจำหน่ายในห้างค้าปลีก 165 บาท ซึ่งเป็นราคาเดิมและไม่สูงกว่าราคาจำหน่ายปลีกแนะนำ ส่วนน้ำยาซักฟอก เดิม 800 มล. ราคาจำหน่ายปลีกแนะนำ ปี 57 อยู่ที่ 85 บาท จำหน่ายในห้าง 79 บาท และขนาดใหม่ 750 มล. ราคาจำหน่ายปลีกแนะนำ 80 บาท ราคาในห้าง 79 บาท ซึ่งไม่สูงกว่าราคาแนะนำ
อย่างไรก็ตาม ได้ขอให้ผู้ผลิตและห้างช่วยหาทางออกในกรณีที่เกิดขึ้นว่าจะช่วยเหลือหรือลดภาระให้กับผู้บริโภคได้อย่างไร โดยแนวทางที่กระทรวงได้เสนอ เช่น ขอให้ปรับลดราคาลงตามปริมาณและขนาดบรรจุที่ลดลงจะได้หรือไม่ ซึ่งผู้ประกอบการที่เข้าประชุมได้แจ้งว่าต้นทุนและราคาจำหน่ายของแต่ละรายไม่เหมือนกัน แต่ได้รับที่จะนำไปปรึกษาหารือกับฝ่ายบริหาร ก่อนที่จะนำกลับมาหารือกับกระทรวงพาณิชย์อีกครั้งในวันที่ 16 พ.ค.60
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ผลิต 8 ราย ที่หารือกับกระทรวงพาณิชย์ครั้งนี้ ได้แก่ บริษัท คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ยูนิลีเวอร์ไทย เทรดดิ้ง จำกัด, บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน), บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน)
นอกจากนี้ ยังมีบริษัท ไอ.พี.เทรดดิ้ง จำกัด บริษัท คาโอ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด ส่วนห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ 4 ราย ได้แก่ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด.