นายธิบดี วัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหุ้นบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) อยู่ระหว่างการพิจารณาเพิ่มทุนให้กับการบินไทย โดยได้เตรียมเงินสำหรับเพิ่มทุนไว้แล้ว 12,500 ล้านบาท แต่ขณะนี้ ผลประกอบการของบริษัทดีอย่างต่อเนื่อง จึงเห็นว่า กระทรวงการคลังไม่จำเป็นต้องเติมเงินเพิ่มทุนให้อีก อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่หากสรุปได้ว่า กระทรวงการคลัง ต้อเพิ่มทุน 12,500 ล้านบาท จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของคลังอยู่ที่ 41% จากเดิมที่ 40%
สำหรับในส่วนของเจ้าหนี้นั้น มีโจทย์ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ต้องกลับไปพิจารณา เช่น การแปลงหนี้เป็นทุน ซึ่งมีข้อกำหนดว่า เงินเจ้าหนี้ 100 บาท จะต้องแปลงเป็นทุน 24.5% ส่วนอีก 74.5% นั้น เป็นสิทธิ์ของเจ้าหนี้ว่า จะแปลงหนี้เป็นทุนหรือไม่ โดยเจ้าหนี้ส่วนใหญ่ก็ต้องการใช้สิทธิ์ หากว่า ผลประกอบการของการบินไทยดีขึ้น จะได้ผลตอบแทนกลับมาเร็วกว่าการรอเงินชำระหนี้
นายธิบดี กล่าวว่า สำหรับการบินไทยนั้น จะออกจากแผนฟื้นฟูกิจการในช่วงกลางเดือนก.พ. 68 และจะกลับเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นราวเดือนพ.ค.68 เนื่องจาก สามารถปฏิบัติตามแผนฟื้นฟูกิจการทุกด้านได้สำเร็จ ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ามีกระแสคัดค้านจากเจ้าหนี้การบินไทยถึงการส่งบุคคลเข้าไปเป็นหนึ่งในผู้บริหารแผนฟื้นฟูจากกระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมจำนวนรวม 2 ราย และ มีการตีความกันว่า การส่งบุคคลดังกล่าวเข้าไปเป็นผู้บริหารแผนนั้นมาจากฝั่งการเมือง ซึ่งไม่เป็นความจริง โดยคนของกระทรวงการคลังก็มาจาก สคร.และคนของกระทรวงคมนาคมก็มาจาก สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) ซึ่งเห็นว่า เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถที่จะเข้าไปร่วมบริหารแผนฟื้นฟูดังกล่าว
สำหรับผู้บริหารแผนที่กระทรวงการคลังเสนอมี 2 คน คือ มาจาก สคร. อีกคนก็มาจาก สนข.ซึ่งถือเป็นความตั้งใจดี คือ เดิมมีผอ.สศค.ที่เป็นผู้บริหารแผนดูเชิงมหภาค ดังนั้นก็อยากมีคนมาเข้าดูในเชิงจุลภาค ในส่วนของตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือการตีมูลค่าบริษัท อีกคนก็มาจากคมนาคม เพราะการบินไทยจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แล้ว แต่อย่างไรก็ตามยืนยันว่าที่จริงแล้ว ไม่ได้มีการคัดค้าน เพียงแต่เจ้าหนี้ขอเวลาพิจารณาเท่านั้น
“มีการมองว่า การส่งไปเป็นตัวแทนนั้นเป็นการเมืองหรือเปล่า พูดตรงตรง เรามีหุ้น 40% ถามว่า เราจะไม่เกี่ยวข้องเลยก็คงยาก เพราะสัดส่วนเยอะ แต่ก็อยู่ที่การตีความ”