พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกรอบวงเงินสนับสนุนบริการสาธารณะ (รถเมล์ รถไฟฟรี) ประจำปีงบประมาณ 2561 วงเงินรวม 5,898 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามมติของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประกอบด้วยในส่วนขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) วงเงิน 2,320 ล้านบาท ซึ่งเป็นการให้บริการรถโดยสารธรรมดาจากวงเงินที่เสนอขอมา 3,324 ล้านบาท ขณะที่การให้บริการรถโดยสารปรับอากาศที่ ขสมก.เสนอขอวงเงิน 2,649 ล้านบาท ไม่ได้รับการพิจารณา เนื่องจากไม่สอดคล้องกับนโยบายอุดหนุนการให้บริการสาธารณะ ที่ต้องการดูแลประชาชนเรื่องความจำเป็นในการเดินทาง ในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่เพื่อความสบายขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รับอนุมัติวงเงิน 3,578 ล้านบาท จากวงเงินที่เสนอขอมา 6,825 ล้านบาท
สำหรับการปรับลดวงเงินการอุดหนุนลงจากที่ ขสมก.และ รฟท.เสนอมานั้น เป็นผลจากราคาน้ำมันที่ ขสมก.และ รฟท.นำมาคำนวณซึ่งอยู่ที่ 30 บาทต่อลิตร ไม่ตรงกับราคาที่สำนักงบประมาณนำมาคำนวณ คือ 23.13 บาทต่อลิตร จึงต้องปรับยอดเงินลงมา โดยอีกส่วนที่ปรับลด คือ มีการนำเงินไปใช้ในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับค่าบริการโดยตรง อย่างไรก็ตาม การอนุมัติงบประมาณครั้งนี้ เป็นผลให้ต่ออายุมาตรการรถเมล์ รถไฟฟรีออกไป หลังจากที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยประชาชนทั่วไปยังสามารถขึ้นรถเมล์ รถไฟฟรี จนกว่าจะมีการออกบัตรที่กำหนดสิทธิ์ให้เป็นการเฉพาะบุคคล (บัตรสมาร์ทการ์ด) สำหรับผู้มีรายได้น้อย คาดว่าจะเริ่มใช้วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการเพิ่มเติม ขอให้ ขสมก.และ รฟท.เร่งดำเนินการจัดทำต้นทุนมาตรฐานเรื่องค่าโดยสารการให้บริการ เพื่อนำข้อมูลมาประเมินผลและกำหนดเป็นค่าโดยสารที่เหมาะสมอย่างจริงจัง ซึ่งรัฐมีแนวทางสนับสนุนบริการสาธารณะให้ตรงตัวกับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแท้จริง โดยใช้ฐานข้อมูลคนจน หากเป็นผู้มีรายได้น้อยขึ้นรถฟรี หากอยู่ในเกณฑ์ปานกลางอาจเสีย 20% ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงลงทะเบียน จะหมดเขตวันที่ 15 พ.ค.นี้.