นายพิฆเนศ ต๊ะปวง รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า สคบ.ได้จัดการประชุมชี้แจงข้อเท็จจริงและทำการทดสอบโทรศัพท์เคลื่อนที่ยี่ห้อหัวเว่ย ของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ตามที่มีผู้บริโภคกว่า 100 รายได้ร้องเรียนมายัง สคบ.โดยได้เชิญผู้เชี่ยวชาญที่เป็นคนกลางจากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาร่วมทดสอบกับตัวแทนของบริษัท หัวเว่ย และตัวแทนผู้บริโภคที่ร้องเรียน ในรุ่น MATE 9 และ MATE 9 PRO และรุ่น P10 และ P10 PRO โดยนำเครื่องของผู้บริโภคมาทดสอบ 3 ราย โดยผลการทดสอบ ROM ของหน่วยความจำ 2.1 มีความเร็วในการประมวลผล 500-600 Mbps ซึ่งผู้เชี่ยวชาญที่ร่วมทดสอบระบุว่า ความเร็วในการประมวลผลที่มากกว่า 500 Mbps ถือว่าได้มาตรฐาน ขณะที่ผู้ที่ร้องเรียนก็ยอมรับว่า เครื่องที่นำมาทดสอบอยู่ในมาตรฐาน
ส่วนที่ร้องเรียนว่า หัวเว่ยมีการโฆษณาว่า ROM 2.1 จะมีความเร็วที่ 800 Mbps ซึ่งผู้ที่ร้องเรียนเห็นว่าการโฆษณาไม่ตรงกับที่ทำการทดสอบนั้น บริษัท หัวเว่ย ได้ยืนยันว่า ถ้าความเร็วอยู่ที่ 500-900 Mbps ถือว่ายังอยู่ในมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม กรณีการทดสอบแต่ละเครื่องออกมาไม่เท่ากัน ทางบริษัทรับจะนำไปปรึกษากับผู้บริหาร และจะส่งข้อมูลกลับมาที่ สคบ.ภายใน 15 วัน เพื่อนำเรื่องส่งให้คณะกรรมการว่าด้วยโฆษณาของสคบ.พิจารณา ขณะเดียวกัน สคบ.จะต้องหาข้อมูลการโฆษณาของบริษัทมาประกอบการพิจารณาด้วย เนื่องจากทางผู้บริโภคที่ร้องเรียนไม่ได้นำเอกสารการโฆษณามาประกอบด้วย ซึ่งในที่สุด หากวินิจฉัยแล้วพบว่า มีการโฆษณามีสาระสำคัญทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด จะมีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท และจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจสั่งให้มีการแก้ไขโฆษณาต่อไป
“ผู้บริโภคระบุว่า ไม่เป็นไปตามโฆษณาในเรื่อง ROM ของหน่วยความจำ 2.1 แต่สเปกที่ออกมาเป็น 2.0 ทางบริษัท หัวเว่ยยืนยันว่ารุ่น P10 และ P10 PRO ที่ขายในไทยใช้ ROM ของหน่วยความจำ 2.1 ทั้งหมด ซึ่งในการทดสอบครั้งนี้ก็ใช้แอพพลิเคชั่นที่ไม่ใช่ทั้งของบริษัท และของผู้ร้องเรียน อีกทั้งเป็นแอพพลิเคชั่นที่ใช้ตรวจสอบ มีการดาวน์โหลดทั่วโลกกว่า 1 ล้านคน จึงถือว่ายอมรับได้”.