จากกรณีที่มีมิจฉาชีพตระเวนขโมยบัตรเครดิตลูกค้าที่ใช้บริการออนเซ็นไปรูดซื้อสินค้า ระหว่างที่ลูกค้าใช้บริการอยู่ โดยมีผู้เสียหายหลายราย ตั้งแต่เดือน พ.ย. 2567-ม.ค. 2568 มูลค่าความเสียหายตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสน แต่ธนาคารเจ้าของบัตรบางแห่งปฏิเสธในการให้ความช่วยเหลือ และบังคับให้ผู้เสียหายชดใช้ยอดหนี้พร้อมดอกเบี้ย โดยให้เหตุผลว่ายอดหนี้มีมูลค่าสูง และเป็นการใช้บัตรเครดิตที่ตัวบัตรสัมผัสกับเครื่องรูดบัตรโดยตรง ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของระบบตัดผ่านบัตรออนไลน์ จนผู้เสียหายต้องเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการ จนสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ในที่สุด
ล่าสุดตัวแทนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาชี้แจงถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายของธนาคารและผู้ให้บริการบัตรเครดิตต่อกรณีดังกล่าว
นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า กรณีมีผู้เสียหายจากการถูกมิจฉาชีพขโมยบัตรเครดิตไปชำระค่าสินค้าและบริการนั้น ธปท. ได้สั่งการให้ธนาคารพาณิชย์และผู้ให้บริการบัตรเครดิตเร่งตรวจสอบ ดูแล และชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ลูกค้าทุกรายในกรณีดังกล่าว โดยกรณีบัตรเครดิต ผู้ถือบัตรจะไม่ต้องชำระเงินและดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น ส่วนกรณีบัตรเดบิต ธนาคารจะคืนเงินให้ผู้ถือบัตรตามยอดที่ถูกตัดชำระภายใน 5 วัน นับแต่วันที่มีเหตุอันเชื่อได้ว่าไม่ได้เกิดจากความผิดของผู้ถือบัตรหรือผู้ถือบัตรไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งธนาคารพาณิชย์และผู้ให้บริการบัตรเครดิตจะต้องเข้มงวดในการปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าว
นอกจากนี้ ธปท. ได้กำชับให้ผู้ให้บริการติดตามร้านค้าที่มีความเสี่ยง เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกใช้เป็นช่องทางรับชำระเงินของธุรกิจที่ผิดกฎหมาย ซึ่งผู้ให้บริการต้องมีกระบวนการรู้จักและพิสูจน์ตัวตน เพื่อคัดกรองร้านค้า ประเมินความเสี่ยง รวมทั้งติดตามความเสี่ยงและพฤติกรรมของร้านค้าอย่างต่อเนื่อง โดยต้องยุติการบริการทันทีเมื่อพบร้านค้าที่อาจเข้าข่ายให้บริการที่ไม่ถูกกฎหมาย รวมถึงพิจารณาดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามความเหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดต่อสอบถาม ขอคำปรึกษาและร้องเรียนปัญหาการใช้บริการทางการเงินได้ที่ BOT contact center 1213