คมนาคมเด้งรับบ้านเพื่อคนไทย “นายกฯอิ๊งค์” ลงพื้นที่ดูบ้านตัวอย่าง 17 ม.ค. พร้อมเปิดจอง 20 ม.ค. ขณะ “โสภณ” เตือนรัฐให้ข้อมูลแย้งอาจสร้างปัญหามากกว่าผลดี ด้านศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผยเศรษฐีจีน-เมียนมา โอนคอนโดมากสุดในรอบ 9 เดือน ขณะที่เศรษฐีอินเดีย ซื้อห้องชุดราคาแพงสุด
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า โครงการบ้านเพื่อคนไทย โดยบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย จะเดินหน้าสร้างที่พักอาศัยตามแนวรถไฟฟ้าใน 4 พื้นที่หลัก 1.บริเวณ กม.11 (ใกล้สถานีกลางบางซื่อ), 2.สถานีธนบุรี, 3.สถานีเชียงรากน้อย และ 4.สถานีเชียงใหม่ เพื่อให้ประชาชนมีบ้านราคาจับต้องได้และเดินทางสะดวก โครงการจะเริ่มต้นที่ กม.11 ใกล้สถานีกลางบางซื่อ โดยในวันที่ 17 ม.ค.2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะตรวจความพร้อมบ้านตัวอย่างก่อนเปิดจองสิทธิ์อย่างเป็นทางการผ่านทางเว็บไซต์ WWW.บ้านเพื่อคนไทย.th ในวันที่ 20 ม.ค.2568 หลังจากนั้นจะมีการตรวจสอบคุณสมบัติ และมาแรนด้อมผู้ได้สิทธิ์แล้วดำเนินการตามกระบวน การของธนาคารอาคารสงเคราะห์ต่อไป นอกจากนั้นในโครงการบ้านเพื่อคนไทย จะมีทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโด ซึ่งที่ กม.11 จะทำเป็นคอนโดขนาด 45 ชั้น
นายโสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยว่าได้ส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี แสดงข้อมูลแย้งเกี่ยวกับโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” โดยระบุ 3 ประเด็นหลักที่รัฐบาลควรพิจารณาอย่างรอบคอบ 1.อสังหาริมทรัพย์เหลือขายยังมีจำนวนมากในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีที่อยู่อาศัยรอขายกว่า 234,628 หน่วย โดย 114,417 หน่วยมีราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทต่อหน่วย รัฐบาลจึงควรสนับสนุนการขายอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่แทนการก่อสร้างใหม่ ซึ่งอาจเพิ่มภาระต่อสิ่งแวดล้อม 2.ค่าเช่าที่ดินถูกไปทำให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเสียหาย และ 3.ความไม่เป็นธรรมแก่ประชาชนชาวไทยโดยรวม
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ธนาคาร อาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้รายงานตัวเลขสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติทั่วประเทศในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค.-ก.ย.) การโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมทั่วประเทศมีจำนวน 11,036 หน่วย มูลค่ารวม 51,458 ล้านบาท ลดลง 1.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่หากนับเฉพาะไตรมาสที่ 3 ปี 67 มีการโอนกรรมสิทธิ์ 3,756 หน่วย เพิ่มขึ้น 11.6% และมีมูลค่า 18,571 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.9%
โดยชาวจีนครองอันดับ 1 ในการโอนกรรมสิทธิ์มากที่สุดที่ 4,386 หน่วย มูลค่า 20,201 ล้านบาท รองลงมาคือชาวเมียนมา 1,050 หน่วย มูลค่า 5,463 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 202.6% จากปีก่อน ส่วนชาวอินเดียมีมูลค่าการโอนเฉลี่ยสูงสุดที่ 6.3 ล้านบาทต่อหน่วย พร้อมขนาดห้องเฉลี่ยใหญ่ที่สุดที่ 76.5 ตร.ม.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม