เศรษฐกิจดี ชีวิตดี ชนชั้นกลางเวียดนามรวยขึ้น แห่ซื้อบ้าน รถยนต์ แสดงความมั่งคั่ง ต่างชาติแข่งลงทุน

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เศรษฐกิจดี ชีวิตดี ชนชั้นกลางเวียดนามรวยขึ้น แห่ซื้อบ้าน รถยนต์ แสดงความมั่งคั่ง ต่างชาติแข่งลงทุน

Date Time: 25 ธ.ค. 2567 12:14 น.

Video

“โกษาปาน ดิสติลเลอรี่” สุรากลั่นเชื่อมวัฒนธรรม | BrandStory Special EP x เมรัยไทยแลนด์

Summary

  • อานิสงส์เศรษฐดี เวียดนามรายได้ต่อหัวแซงหน้าฟิลิปปินส์ ดันชนชั้นกลางรวยขึ้น แห่ซื้อบ้าน รถยนต์ แสดงความมั่งคั่ง ต่างชาติแข่งลงทุน แย่งชิงความเป็นเจ้าตลาด

Latest


อุตสาหกรรมสินค้าฟุ่มเฟือยคึกคัก ชนชั้นกลางเวียดนามค่อนบนรวยขึ้น หันมาซื้อบ้าน รถยนต์ เสริมฐานะ แสดงออกถึงความมั่งคั่ง ทั้งนี้การใช้จ่ายฟุ่มเฟือยที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคเฉลี่ย 6% ต่อปี โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของการลงทุนภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ การส่งออกที่แข็งแกร่ง ประกอบกับแรงส่งของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่อย่างรถยนต์ไฟฟ้าและเซมิคอนดักเตอร์

โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไม่ได้จำกัดอยู่ที่อสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงรถยนต์ เครื่องปรับอากาศ สมาร์ทโฟน และเครื่องสำอางระดับไฮเอนด์ ซึ่งกำลังกลายเป็นค่านิยมกระแสหลัก

Nguyen Kim Ngoc ล่ามวัย 38 ปี เปิดเผยกับ Nikkei Asia ว่า “ในรุ่นพ่อแม่ของฉัน ความยากจนเป็นเรื่องปกติ และความประหยัดเป็นสิ่งจำเป็น แต่ทุกวันนี้ ความปรารถนาที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นยิ่งใหญ่กว่าที่เคย และเมื่อรายได้เพิ่มขึ้น ผู้คนก็ไม่ลังเลที่จะแสดงออกถึงความมั่งคั่งของพวกเขา ในยุคของพ่อแม่และปู่ย่าตายายของเรา จะต้องซ่อนความรวยเอาไว้ ไม่งั้นเจ้าหน้าที่รัฐบาลจะปราบปรามคุณ"

ย้อนกลับในปี 2533 รายได้ต่อหัวประชากรเวียดนาม (GDP Per Capita) อยู่ที่ 122 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีมูลค่าหนึ่งในสิบสามของรายได้ต่อหัวประชากรไทย หนึ่งในเจ็ดของฟิลิปปินส์ และหนึ่งในหกของอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตามหลังประเทศเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ ทำให้การลงทุนจากต่างประเทศหลั่งไหลเข้ามาในช่วงหลายทศวรรษต่อมา รายได้ต่อหัวประชากรก็ปรับสูงขึ้นเกิน 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2555 และ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2561 ปัจจุบันเวียดนามมีรายได้ต่อหัวประชากรอยู่ที่ 4,650 ดอลลาร์สหรัฐฯ แซงหน้าฟิลิปปินส์

ปัจจุบัน “อสังหาริมทรัพย์” ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งที่คนเวียดนามอยากครอบครองมากที่สุด เนื่องจากการมีอสังหาริมทรัพย์สะท้อนว่าผู้ที่ครอบครองมีทรัพย์สินที่สามารถขายได้ เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์มีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ข้อมูลจาก Batdongsan เว็บไซต์รวบรวมข้อมูลข่าวสารอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ราคาขายบ้านโดยเฉลี่ยทั่วประเทศ ณ เดือน มิ.ย. 2568 ปรับสูงขึ้นกว่าช่วงต้นปีถึง 24% ขับเคลื่อนโดยราคาขายอพาร์ตเมนต์ในเมืองหลวง นอกจากนี้ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยที่มากกว่าซัพพลายที่มี ยังเป็นปัจจัยที่ผลักดันราคา ข้อมูลจาก Savills บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ พบว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 มีการก่อสร้างคอนโดมิเนียมในกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์รวมทั้งสิ้น 33,500 ยูนิต ซึ่งต่ำกว่าในปี 2557 ในทางตรงกันข้าม ยอดขายยังคงแข็งแกร่ง Vinhomes เปิดเผยว่า ยอดขายตามสัญญาของพวกเขามีมูลค่ารวมประมาณ 51.7 ล้านล้านดอง (2 พันล้านดอลลาร์) ในช่วงเวลาเดียวกัน เพิ่มขึ้น 27.3% จากปีก่อนหน้า

การเป็นเจ้าของรถยนต์ถือเป็นอีกตัวบ่งชี้ที่สำคัญถึงกำลังซื้อที่แข็งแกร่งของคนเวียดนาม ตามข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม พบว่า สัดส่วนการถือครองรถยนต์ต่อประชากรเวียดนาม 1,000 คน อยู่ที่ 63 คันเมื่อปี 2566 โดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าเมื่อเทียบกับ 13 ปีก่อน แต่ยังคงต่ำกว่าอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตามระหว่างปี 2558-2563 สัดส่วนการถือครองรถยนต์ของคนเวียดนามมีอัตราการเติบโตที่ 17% ต่อปี ซึ่งเป็นการเติบโตที่เร็วที่สุดในโลก ตามรายงานของ International Organization of Motor Vehicle Manufacturers สอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ในไตรมาสที่ 3/2568 รวมทั้งสิ้น 90,701 คัน เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงสุดในภูมิภาค ทั้งนี้รัฐบาลคาดว่ายอดขายรถยนต์จะแตะ 1 ล้านคัน ภายในปี 2573

นอกจากนี้บริษัทต่างประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีการเข้ามาลงทุนโดยตรง (FDI) ในเวียดนามมากที่สุด ไม่เพียงแต่ลงทุนเพื่อตั้งฐานการผลิตเท่านั้น แต่ยังมองเวียดนามเป็นตลาดบริโภคเป้าหมายที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทญี่ปุ่นกำลังเพิ่มการลงทุนเพื่อเจาะกลุ่มชนชั้นกลางระดับบนของเวียดนาม ห้างสรรพสินค้า Takashimaya มีแผนที่จะสร้างอาคารพาณิชย์และสำนักงานในกรุงฮานอยในปี 2570 หลังจากประสบความสำเร็จในการเปิดตัวห้างสรรพสินค้าที่นครโฮจิมินห์ในปี 2559

ด้าน Mitsubishi Estate ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ ในปีนี้ได้เริ่มดำเนินการในโครงการต่างๆ รวมทั้งสิ้น 4 โครงการ รวมถึงอาคารอพาร์ตเมนต์ขนาดใหญ่ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนทั้งหมด 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ