"คุณสู้ เราช่วย" ลงทะเบียนแก้หนี้ อาจไม่ช่วย เมื่อคนไทยเป็นหนี้เร็ว เป็นหนี้นาน เป็นหนี้ล้นพ้นตัว

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

"คุณสู้ เราช่วย" ลงทะเบียนแก้หนี้ อาจไม่ช่วย เมื่อคนไทยเป็นหนี้เร็ว เป็นหนี้นาน เป็นหนี้ล้นพ้นตัว

Date Time: 19 ธ.ค. 2567 10:10 น.

Video

วิธีเอาตัวรอดของ Wikipedia ไม่พึ่งโฆษณา ไม่มีค่าสมาชิก แต่อยู่มาได้ 23 ปี | Digital Frontiers

Summary

  • อ่านมุมมอง นักวิจัย TDRI ต่อโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" ลงทะเบียนแก้หนี้ ที่อาจเป็นแค่ "ยาวิเศษ" แต่ไม่ใช่ ยาครอบจักรวาล เมื่อคนไทยเป็นหนี้เร็ว เป็นหนี้นาน และเป็นหนี้ล้นพ้นตัว จุดบอด บางคนรู้เรื่องการเงิน แต่ไม่ทำ เมื่อต้นเหตุไม่ได้ถูกแก้ไข

Latest


ยังคงเป็นมาตรการแก้หนี้ที่มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและ “ไม่เห็นด้วย” สำหรับโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" ลงทะเบียนแก้หนี้ ช่วยเหลือกลุ่มลูกหนี้สินเชื่อบ้าน รถ และ SMEs ขนาดเล็กที่มีวงเงินหนี้ไม่สูงมาก

รวมถึงช่วยลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้เสียและยอดหนี้ไม่สูง ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรน เพื่อเปลี่ยนสถานะจากหนี้เสียเป็นปิดจบหนี้ เริ่มต้นใหม่ได้เร็วขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของนักวิจัยด้านนโยบายด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) “วราวิชญ์ โปตระนันทน์” ให้ความเห็นว่า โครงการช่วยเหลือแก้หนี้คนไทยดังกล่าว อาจไม่ยั่งยืนและเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ

จากต้นเหตุของปัญหาหยั่งรากลึกที่มาจากพฤติกรรมและทัศนคติของลูกหนี้คนไทย ทั้งวิธีการเลือกสินเชื่อที่ไม่เหมาะสม และการประมาณการภาระที่เกิดจากดอกเบี้ยเงินกู้แบบทบต้นต่ำกว่าความเป็นจริง และคนไทยยังมีปัญหาในการจัดการรายได้และรายรับ ซึ่งผู้กำหนดนโยบายควรนำไปพิจารณาและออกแนวทางแก้ปัญหาให้ตรงจุด

เป็นหนี้เร็ว เป็นหนี้นาน และเป็นหนี้ล้นพ้นตัว

นักวิจัย TDRI ชี้ว่า ณ ไตรมาส 2 ปี 2567 “หนี้ครัวเรือนไทย” ทรงตัวอยู่ในระดับสูงถึง 89.6% ของ GDP ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่คาดว่าจะไม่สร้างรายได้

ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติพบข้อมูลปีที่แล้วว่าเกือบครึ่งหนึ่งครัวเรือนไทย (47.9%) มีภาระหนี้สิน โดยส่วนมาก (45.6% ของครัวเรือนทั้งหมด) มีหนี้ในระบบ และมีครัวเรือนในสัดส่วน 3.6% ที่มีหนี้นอกระบบ รวมหนี้สินรวมกันเฉลี่ยครัวเรือนละ 197,255 บาท ชัดเจนว่าหนี้ครัวเรือนเป็นปัญหาใหญ่และเรื้อรังของประเทศ

โดยที่ผ่านมา ภาครัฐและเอกชนมีการออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้และป้องกันการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็นมามากมาย ขณะโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ที่เริ่มเปิดให้ลูกหนี้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา

ทั้งมาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” และมาตรการ “จ่าย ปิด จบ” มีวัตถุประสงค์เพื่อลดค่างวด พักดอกเบี้ย และปรับโครงสร้างหนี้ที่มีสถานะคงค้างแก่ลูกหนี้ในระบบของสถาบันการเงิน 1.9 ล้านรายนั้น

เข้าข่ายจัดอยู่ในกลุ่มมาตรการพักหนี้ที่ข้อกังวลบางประการ เนื่องจากการให้ความช่วยเหลือมีลักษณะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และส่งเสริมให้ลูกหนี้เคยชินกับการรอรับความช่วยเหลือโดยไม่พยายามแก้ปัญหาเอง

ข้อสังเกตนี้สอดคล้องกับการศึกษาของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ที่พบว่ามาตรการ เช่น การพักชำระหนี้ให้เกษตรกร แม้ว่าจะช่วยลดโอกาสผิดนัดชำระหนี้อื่น ๆ ที่ไม่ได้เข้าพักหนี้

แต่ยิ่งทำให้ลูกหนี้สะสมหนี้ใหม่ขึ้น ส่วนดอกเบี้ยของหนี้ที่พักไว้ก็ยังวิ่งและนำไปปรับโครงสร้างหนี้ไม่ได้ ขณะที่ภาระการจ่ายหนี้ที่ลดลงกลับไม่ได้ไปเพิ่มเงินออมของลูกหนี้

ดังนั้นแม้ความช่วยเหลือเช่นนี้จะช่วยบรรเทาภาระหนี้ในระยะสั้น ซึ่งอาจเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวจริง ๆ แต่ในระยะยาวมาตรการเหล่านี้ย่อมขาดความยั่งยืน และอาจทำให้ลูกหนี้กลับสู่วงจรหนี้ได้โดยง่าย

ประเด็นที่สำคัญและควรนำไปสู่การแก้ปัญหาคือ ปัญหาพื้นฐานสำคัญ “พฤติกรรมทางการเงิน” ของลูกหนี้ เพราะการส่งเสริมความรู้ทางการเงินเพียงอย่างเดียว ที่หลายหน่วยงาน แม้กระทั่งธนาคารแห่งประเทศไทยทำอยู่ ก็อาจไม่ตอบโจทย์ผู้ที่กำลังจมอยู่กับภาระหนี้มหาศาลอยู่เป็นทุนเดิม และต้องการหาทางออกอย่างเร่งด่วน

จึงมีความจำเป็นในการหามาตรการเพื่อการจัดการหนี้ที่ครอบคลุมทั้งการบรรเทาภาระทางการเงิน และการปรับพฤติกรรมทางการเงินของลูกหนี้ด้วย

จุดอ่อนคนไทย ไม่จัดการรายรับ-รายจ่าย รู้การเงิน แต่บางคนไม่ทำ

จากการสำรวจพฤติกรรมและทัศนคติของลูกหนี้ก่อนที่จะได้เข้าโครงการกับโนบูโร ของ TDRI ก่อนหน้า พบว่า “จุดบอด” สำคัญคือ ผู้มีหนี้ “รู้แต่ไม่ทำ” ในเรื่องการเงิน โดยมีคะแนนความรู้ทางการเงินในระดับสูง รวมมีคะแนนเฉลี่ย 68.95% ของคำถามทั้งหมด

มีความเสี่ยงในการเลือกสินเชื่อที่ไม่เหมาะสม หรือประมาณการดอกเบี้ยเงินกู้แบบทบต้นต่ำกว่าความเป็นจริง ขณะเดียวกัน ยังพบว่า ด้านวินัยทางการเงิน การจัดการรายได้-รายจ่าย การออม รูปแบบการบริหารจัดการหนี้จะพบว่าคะแนนเฉลี่ยในหมวดนี้มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 32.08% เท่านั้น

จุดอ่อนที่เด่นชัดคือการไม่ทำบัญชีครัวเรือนและบัญชีรายรับ-รายจ่ายเป็นประจำ การชำระหนี้บัตรเครดิตเพียงขั้นต่ำ และการขาดการวางแผนออมเพื่อการเกษียณ

“ผู้มีหนี้มักมีปัญหาในการลงมือวางแผนทางการเงินที่ต้นเหตุก่อนที่ปัญหาภาระทางการเงินจะบานปลายมาจนถึงวันนี้”

ทั้งนี้ นักวิจัย TDRI สรุปด้านท้ายว่า แม้มาตรการพักหนี้จะเป็นยาวิเศษหนึ่งที่ช่วยแก้หนี้ให้กับผู้เข้าโครงการได้ แต่ก็ไม่ใช่ “ยาครอบจักรวาล” ที่รักษาปัญหาหนี้ให้ได้กับทุกคน

การให้ความรู้พร้อมทุนแก่ลูกหนี้คือหลักคิดที่น่าผลักดันต่อให้การแก้หนี้ของคนไทยมีความยั่งยืนมากขึ้น ขณะ “โนบูโร” ถือเป็นโมเดลหนึ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้กำหนดนโยบายปรับมุมคิดเรื่องการแก้หนี้ใหม่ โดยเริ่มจากการตัวของลูกหนี้ เมื่อลูกหนี้ “สู้” เราก็ควร “ช่วย” ด้วยวิธียั่งยืนและไม่ปล่อยให้เคยชินกับการรับความช่วยเหลือเพียงฝ่ายเดียว

ที่มา : TDRI ,ธปท.

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ