ธปท.เปิดตัวอย่างแก้หนี้บ้าน-รถ เข้าโครงการ “คุณสู้-เราช่วย” ดอกเบี้ยหลักแสนหายวับ

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ธปท.เปิดตัวอย่างแก้หนี้บ้าน-รถ เข้าโครงการ “คุณสู้-เราช่วย” ดอกเบี้ยหลักแสนหายวับ

Date Time: 12 ธ.ค. 2567 08:12 น.

Summary

  • จากกรณีที่กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย และสมาคมธนาคารนานาชาติ ได้ร่วมกันลงนามบันทึกความร่วมมือและหนังสือแสดงเจตนารมณ์โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและเอสเอ็มอี ที่เป็นหนี้เสียให้กลับมาผ่อนส่งหนี้ได้อีกครั้ง เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ธปท. ได้มีการยกตัวอย่าง การจ่ายเงินต้น ดอกเบี้ย กรณีที่ลูกหนี้เข้ามาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” เพื่อให้ลูกหนี้ที่สนใจเข้าโครงการสามารถเห็นภาพได้ชัดขึ้น

Latest

"พิชัย"ลุยดึงทุนสำรองประเทศมาใช้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีที่กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย และสมาคมธนาคารนานาชาติ ได้ร่วมกันลงนามบันทึกความร่วมมือและหนังสือแสดงเจตนารมณ์โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและเอสเอ็มอี ที่เป็นหนี้เสียให้กลับมาผ่อนส่งหนี้ได้อีกครั้ง เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา

โดยแบ่งเป็น 2 มาตรการคือ มาตรการที่ 1 “จ่ายตรง คงทรัพย์” ซึ่งเป็นการช่วยเหลือลูกหนี้ที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) หรือเคยปรับโครงสร้างหนี้ในส่วนที่ผ่านมา สำหรับสินเชื่อบ้านไม่เกิน 5 ล้านบาท ลูกหนี้รถยนต์ไม่เกิน 800,000 บาท ลูกหนี้รถจักรยานยนต์ไม่เกิน 50,000 บาท และลูกหนี้เอสเอ็มอีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 5 ล้านบาท ให้เข้ามาปรับโครงสร้างหนี้ โดยลดค่างวดผ่อนส่งรายเดือนให้ 3 ปี ปีแรกชำระที่ 50% ปีที่ 2 ที่ 70% และปีที่ 3 90% ของค่างวดเดิม ซึ่งค่างวดทั้งหมดจะนำไปตัดเงินต้น และพักไม่ต้องส่งดอกเบี้ย 3 ปี และหากลูกหนี้สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ตลอดระยะเวลาของมาตรการ คือ ต้องส่งค่างวดตรงเวลา และไม่ก่อหนี้ใหม่เป็นเวลา 12 เดือน จะยกดอกเบี้ยที่พักไว้ทั้งหมดให้

ขณะที่มาตรการที่ 2 “จ่าย ปิด จบ” ซึ่งเป็นการช่วยลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้บุคคลธรรมดาที่เป็นหนี้เอ็นพีแอล แต่มียอดคงค้างหนี้ไม่สูงหรือไม่เกิน 5,000 บาท แต่ยังไม่มีการปรับโครงสร้างหนี้ โดยให้ลูกหนี้เข้ามาเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ โดยเจ้าหนี้จะมีการลดภาระหนี้ให้ โดยลูกหนี้จ่ายหนี้บางส่วน เพื่อปิดจบหนี้ ทำให้ลูกหนี้สามารถกลับเข้าสู่การเป็นหนี้ปกติ และกลับมากู้เงินจากสถาบันการเงินได้

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการยกตัวอย่าง การจ่ายเงินต้น ดอกเบี้ย กรณีที่ลูกหนี้เข้ามาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” เพื่อให้ลูกหนี้ที่สนใจเข้าโครงการสามารถเห็นภาพได้ชัดขึ้น

หนี้บ้านค้าง 1.85 ล้านลดดอกเบี้ย 2.2 แสน

นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า จากการสำรวจลูกหนี้ที่เป็นเอ็นพีแอลของลูกหนี้บ้าน พบว่าส่วนใหญ่มีหนี้คงค้างอยู่ที่ประมาณ 1.85 ล้านบาท จึงนำเป็นมาตัวอย่างของการเข้าโครงการจ่ายตรง คงทรัพย์ โดยกรณีลูกหนี้สินเชื่อบ้าน วงเงิน 1,850,000 บาท ระยะเวลาตามสัญญา 30 ปี อัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี จ่ายค่างวดเดือนละ 10,000 บาท และปัจจุบันผ่อนมาแล้ว 10 ปี มีเงินต้นคงเหลือ 1,500,000 บาท ระยะเวลาตามสัญญาคงเหลือ 20 ปี และได้ค้างจ่ายหนี้มา 3 เดือน

กรณีดังกล่าว หากลูกหนี้ตัดสินใจเข้าโครงการจะได้รับประโยชน์ 3 ต่อ ต่อที่ 1 คือการเพิ่มสภาพคล่อง โดยได้ลดเงินผ่อนส่งรายเดือน โดยกรณีนี้ จากเคยจ่ายค่างวดเดือนละ 10,000 บาท ปีแรกจะจ่ายเพียงเดือนละ 5,000 บาท ปีที่ 2 จ่ายเดือนละ 7,000 บาท และปีที่ 3 จ่าย 9,000 บาท ต่อที่ 2 คือ พักไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยตลอด 3 ปี และหากตลอด 3 ปีไม่ผิดเงื่อนไข ทางการจะยกดอกเบี้ยทั้งหมดให้ไม่ต้องจ่าย ต่อที่ 3 สามารถปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น

โดยหากลูกหนี้สามารถผ่อนส่งหนี้ได้จนจบมาตรการ 3 ปี ในกรณีที่ยกตัวอย่างนี้ จะสามารถลดเงินต้นได้เต็มๆ เป็นจำนวน 250,000 บาท และได้รับการยกดอกเบี้ย 3 ปี โดยรัฐจ่ายแทนเป็นเงิน 220,000 บาท และสามารถปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น 2 ปี จาก 20 ปี เป็น 18 ปี

สินเชื่อรถ 6 แสนลดดอกเบี้ย 3.1 หมื่นบาท

นางสาวสุวรรณียังได้ยกตัวอย่างกรณีลูกหนี้ สินเชื่อรถวงเงินต้น และดอกเบี้ยตลอดสัญญา 610,000 บาท ระยะเวลาผ่อนตามสัญญา 6 ปีอัตราดอกเบี้ย 7% ต่อปี ปัจจุบันผ่อนมาแล้ว 3 ปี ยอดหนี้คงเหลือ 300,000 บาท และค้างจ่ายหนี้มา 3 เดือน

กรณีดังกล่าวหากลูกหนี้ตัดสินใจเข้าโครงการ จะได้รับการลดค่างวด และพักดอกเบี้ยเช่นเดียวกับกรณีบ้าน โดยจากจ่ายค่างวดเดือนละ 8,500 บาท ปีแรกจะจ่ายเพียงเดือนละ 4,250 บาท ปีที่ 2 จ่ายเดือนละ 6,000 บาท และปีที่ 3 จ่าย 7,700 บาท และได้พักไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยตลอด 3 ปี และหากลูกหนี้สามารถผ่อนส่งหนี้ได้จนจบมาตรการ 3 ปี ในกรณีนี้ที่ยกตัวอย่างนี้ จะทำให้เงินต้นและดอกเบี้ยตลอดสัญญาลงมาเหลือ 580,000 บาท จะลดลงจาก 610,000 บาทและสามารถปิดจบหนี้ใน 3 ปี 8 เดือน

“เหตุที่กรณีรถยนต์ปิดจบหนี้ได้ไม่เร็วกว่ากำหนดเดิมนั้น เนื่องจากในช่วง 3 ปี ลดค่างวดลงมาก ทำให้ตัดต้นได้น้อย แต่ช่วยให้ลูกหนี้มีเงินเหลือใช้จ่ายมากขึ้น และการเข้าโครงการจะช่วยประหยัดดอกเบี้ยที่ได้รับการยกจากรัฐบาลเป็นเงิน 31,000 บาท”

ระวัง!ผิดเงื่อนไขดอกเบี้ยพุ่งเท่าเดิม

นางสาวสุวรรณีกล่าวต่อว่า ก่อนที่จะเข้าโครงการลูกหนี้จะต้องมีความตั้งใจในการแก้หนี้ เพราะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข 4 ข้อ คือ 1.ลูกหนี้ไม่ทำสัญญาสินเชื่อเพิ่มเติมในช่วง 12 เดือนแรกที่เข้าร่วมมาตรการ ยกเว้นกรณีสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีที่จำเป็นต้องกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่อง เจ้าหนี้สามารถให้สินเชื่อเพิ่มเติมได้โดยจะพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ตามความเหมาะสม

2.ลูกหนี้รับทราบว่าจะมีการรายงานข้อมูลต่อเครดิตบูโร (NCB) ถึงการเข้าร่วมมาตรการ 3.หากลูกหนี้ไม่สามารถจ่ายชำระค่างวดขั้นต่ำได้ตามที่มาตรการกำหนด หรือไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขอื่นๆได้ เช่น ลูกหนี้ก่อหนี้ใหม่ก่อนระยะเวลา 12 เดือน ลูกหนี้จะต้องออกจากมาตรการและชำระดอกเบี้ยที่ได้รับการพักไว้ในระหว่างที่เข้ามาตรการเหมือนก่อนการเข้ามาตรการ และ 4.หากสัญญาสินเชื่อมีผู้ค้ำประกัน ผู้ค้ำประกันต้องให้ความยินยอมในการเข้าร่วมมาตรการและลงนามในสัญญาค้ำประกันใหม่

ทั้งนี้ ลูกหนี้ที่สนใจเข้าร่วมมาตรการโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” สมัครเข้าร่วมได้ที่ https://www.bot.or.th/khunsoo ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2567 เวลา 08.30 น. ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ BOT contact center ของ ธปท. โทร. 1213 หรือ call center ของสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการและกดเบอร์ต่อ 99

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ