“Luxury Hub แห่งเอเชีย ไทยขึ้นแท่นเป้าหมายใหม่ของลูกค้ากำลังซื้อสูง” คำกล่าวนี้กำลังได้รับการยืนยันมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจาก Dior แบรนด์แฟชั่นหรูระดับโลก สัญชาติฝรั่งเศส ที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุด
เลือกปักหมุดประเทศไทย เปิด Dior Gold House คอนเซปต์สโตร์ (บูติกเดี่ยวนอกศูนย์สรรพสินค้า) แห่งแรก ณ ใจกลางกรุงเทพฯ ย่านเพลินจิต-ชิดลม ซึ่งขึ้นแท่นเป็นคอนเซปต์สโตร์ใหญ่สุดของแบรนด์ในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สะท้อนถึงอิทธิพลของตลาดไทยในระดับโลก เรื่อยไปจนถึงการตอกย้ำย่านลักชัวรีอย่างราชประสงค์และเพลินจิต ว่ากำลังกลายเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญสำหรับแบรนด์ระดับโลกต่างๆ
ต่อเนื่องจากไม่นานมานี้ LOUIS VUITTON ก็เพิ่งทุ่มงบ 100 ล้านบาท เปิดตัว “LV THE PLACE BANGKOK” ที่แรกในไทย (แห่งที่ 3 ของโลก) ณ ศูนย์การค้าเกษรอัมรินทร์ พร้อมๆ กับการรีโนเวทห้างเก่าแก่ สู่ Bangkok’s Capital of Lifestyle District แหล่งรวมแบรนด์หรูดังๆ ที่คนกระเป๋าหนักต้องมาเช็กอิน
ขณะในเมืองท่องเที่ยวดังอย่างภูเก็ต แบรนด์ Prada สัญชาติอิตาลี เปิดตัว PRADA บูติกใหม่ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต เมื่อ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา บ่งบอกได้ว่าผู้บริโภคของไทยมีกำลังซื้อสูง และให้นิยมการบริโภคสินค้าระดับพรีเมียมมากขึ้น เช่นเดียวกับโอกาสจากการหลั่งไหลเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักลงทุนจากจีน ตะวันออกกลาง และยุโรป ที่มองเห็นประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางแห่งความหรูหราที่เหมาะสำหรับการช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม
มองแทนแบรนด์ เพราะมากกว่าการขยายตลาด แต่เป็นสัญญาณของการเติบโตเชิงเศรษฐกิจ การบริโภค และการเปลี่ยนผ่านของประเทศไทยสู่การเป็น Luxury Hub ระดับภูมิภาคและระดับโลกที่น่าจับตามอง
ที่มาของเซ็นทรัลชิดลม ห้างแห่งแรกของกลุ่มเซ็นทรัล ที่เปิดมานานกว่า 50 ปี ทุ่มรีโนเวทครั้งใหญ่ ด้วยงบประมาณ 4 พันล้านบาท เพื่อปรับให้เป็นห้างสรรพสินค้าลักชัวรีระดับโลก ซึ่งเตรียมเปิดตัว 12 ธันวาคมนี้
โดยจะรวมแบรนด์เครื่องสำอาง แบรนด์แฟชั่น ระดับโลก นับร้อยๆ แบรนด์ ทั้ง Chanel, Dior, Gucci, Prada Beauty, Balenciaga, Burberry, Celine, Dolce & Gabbana และ Louis Vuitton เป็นต้น มารวมไว้ที่นี่
ปรับโฉม Façade โฉมใหม่ เปลี่ยนทั้งโลโก้ และสีสันใหม่ ผ่านการใช้หินสี ‘Chidlom Pink’ มาสร้างบรรยากาศเสมือนเดินช้อปปิ้งที่ห้างหรูในยุโรป
เร็วๆ นี้ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ก็เพิ่งเผยโฉมแผนการพัฒนาศูนย์การค้า เซ็นทรัล เอ็มบาสซี 2 หรือส่วนต่อขยายออกมา บนทำเลทอง เพื่อผลักดันให้ย่านชิดลม-เพลินจิต เป็นย่านลักชัวรี หมุดหมายการช้อปปิ้งระดับโลกอย่างแท้จริง
เจาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเต็มไปด้วยโครงการแบรนด์เนมหลายเซกเตอร์ ทั้งโรงแรม, คอนโดมิเนียมหรู และ Branded residences โดยมีข้อมูลรายงานว่ามีมูลค่ารวมกันร่วมเกือบ 2 แสนล้านบาทแล้วในปัจจุบัน ยกตัวอย่างโครงการเด่นๆ ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เช่น
-Amanpuri (ภูเก็ต) รีสอร์ทระดับโลกที่มีชื่อเสียงเรื่องความสงบและความหรูหรา
-Rosewood Bangkok โรงแรมหรูระดับไฮเอนด์ที่ตั้งอยู่ในย่านเพลินจิต
-Four Seasons Chiang Mai ที่พักหรูในบรรยากาศธรรมชาติ พร้อมวิวทุ่งนา
-98 Wireless โดยแสนสิริ เป็นโครงการระดับซูเปอร์ลักชัวรีในทำเลใจกลางเมือง บนถนนวิทยุ พร้อมการตกแต่งด้วยวัสดุหรูหราระดับโลก
-The Ritz-Carlton Residences ในอาคารคิงเพาเวอร์ มหานคร ที่มาพร้อมบริการระดับโรงแรมห้าดาว ราคาแพงสุด ยูนิตละ 255 ล้าน และล่าสุด โปรเจ็กต์ One Bangkok 1.2 แสนล้าน ก็เพิ่งเปิดให้บริการ โรงแรม The Ritz-Carlton, Bangkok แห่งแรกในไทย
-การประกาศเปิดตัวของอนันดา กับโครงการ “ปอร์เช่ ดีไซน์ ทาวเวอร์ แบงคอก” (Porsche Design Tower Bangkok) ในราคาเฉลี่ยต่อยูนิต เริ่มต้น 525-1,400 ล้านบาท
-โครงการ The Forestias by MQDC อภิมหาโปรเจ็กต์อสังหาฯ ที่หรูหราและใหญ่ที่สุดในไทย เมืองต้นแบบแห่งอนาคต
-MontAzure (ภูเก็ต) โครงการอสังหาฯ ริมทะเลที่รวมวิลล่าและเรสซิเดนซ์ระดับพรีเมียม
-The Standard Residence Hua Hin คอนโดฯ และ Beachfront Pool Villa ตากอากาศติดหาดหัวหิน แห่งแรกในเอเชีย แห่งที่ 3 ของโลก กับราคาเปิดตัวยูนิตละ 100 กว่าล้าน
ขณะที่เร็วๆ นี้ The Residences at Dusit Central Park เตรียมส่งมอบยูนิตให้ลูกค้า ซึ่งจะเป็นโครงการเดียวในประเทศไทยที่ผู้พัฒนาโครงการเป็นเจ้าของแบรนด์โรงแรมระดับห้าดาวมาตรฐานระดับโลก
สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของเครือข่ายอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ชั้นนำของโลก อย่าง คริสตี้ส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียล เอสเตท เครือข่ายอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ชั้นนำของโลก ขึ้นชื่อในตลาดที่อยู่อาศัยระดับหรูหรา ลุยเปิดสาขาแห่งแรกในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
หลังมองว่า อสังหาริมทรัพย์ของไทยโดดเด่นในภูมิภาค และมีอัตราการเติบโตรวดเร็วในอนาคต โดย Miss Helena de Forton, Managing Director, Head of EMEA & Asia บริษัท คริสตี้ส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียล เอสเตท กล่าวว่า คริสตี้ส์ มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านจัดประมูลผลงานศิลปะระดับโลกมากว่า 250 ปี และได้ขยายมาทำการตลาดและการขายอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ โดยมีการดำเนินงานใน 46 ประเทศทั่วอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง เอเชียแปซิฟิก ล่าสุดในประเทศไทย
ซึ่งในแต่ละปีบริษัทจะมีการจัดประมูลผลงานศิลปะและอัญมณีในทั่วโลก ซึ่งในทุกงานประมูลใหญ่ๆ บริษัทจะสามารถนำโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพเข้าไปทำการตลาดได้ รวมถึงยังทำการตลาดผ่านสำนักงานทั่วโลกได้อีกด้วย
ทั้งนี้ บริษัทได้มองเห็นถึงศักยภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์แบรนด์อัลตร้าลักชัวรี และลักชัวรีของประเทศไทยที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในทำเลกรุงเทพและภูเก็ต ซึ่งมีอัตราการเติบโตของการลงทุนที่ดีมาก เนื่องจากประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติและผู้ที่มองหาที่อยู่อาศัยหลักหรือรอง ไทยมีข้อได้เปรียบที่น่าดึงดูด
ได้แก่ การอนุญาตให้ชาวต่างชาติเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียม การให้วีซ่าพำนักระยะยาว และนอกจากนี้การย้ายถิ่นฐานของผู้คนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลกก็เป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย นอกจากนี้คนไทยมีรสนิยมที่ดีในการตกแต่งอสังหาฯ ได้อย่างสวยงามหรูหรา มีความเอ็กซ์คลูซีฟ สามารถสร้างประสบการณ์พิเศษ และดีเยี่ยมให้กับลูกค้า ซึ่งจะช่วยดึงดูดกลุ่มลูกค้ามั่งคั่งสูง (High Net Worth Individual) จากทั่วโลกได้อีกด้วย
ทั้งหมด อาจกล่าวสรุปได้ว่า วันนี้ ประเทศไทย ได้กลายเป็นบ้านหลังที่สองของแบรนด์และอสังหาหรูระดับโลก กับความพยายามที่จะครองตำแหน่งผู้นำศูนย์กลางลักชัวรี น้องใหม่ มาแรง
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney