นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ รัฐบาลจะมีความชัดเจนเรื่องการออกมาตรการแก้ไขหนี้ประชาชน ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์หนี้ครัวเรือนสูงอยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท วันนี้คนอ่อนเปลี้ย จากภาระหนี้ โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยมาตรการครั้งนี้จะเป็นการดูแลหนี้ทั้งธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินของรัฐ
ด้านนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในวันที่ 11 ธ.ค. 67 กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสถาบันการเงิน จะร่วมกันแถลงมาตรการแก้หนี้ของธนาคารพาณิชย์ ในส่วนของหนี้บ้าน รถ และเอสเอ็มอี โดยรูปแบบของมาตรการแก้หนี้นั้น ตัวอย่างเช่น หากผู้เข้าร่วมมาตรการเป็นหนี้เสียสินเชื่อบ้าน ในช่วง 3 ปีที่เข้าโครงการ สามารถเลือกชำระค่างวดแบบเต็มจำนวนเดิม หรือเลือกผ่อนครึ่งหนึ่งก็ได้ โดยเงินที่ชำระมาจะตัดเงินต้น 100%
ด้านนางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM เผยว่า โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM ได้รับความร่วมมือจากสถาบันการเงินพันธมิตรรายใหม่เข้าร่วมโครงการ เพิ่มเติมอีก 4 แห่ง ประกอบด้วย 1.ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 2.บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท แคปปิตอล จำกัด 3.บริษัท เมืองไทย เพย์ เลเทอร์ จำกัด และ 4.บริษัท วิง มันนี่ จำกัด ส่งผลให้ลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสถาบันการเงินเหล่านี้ เข้ามาปรับโครงสร้างหนี้กับโครงการได้ ส่งผลให้ปัจจุบันโครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM มีจำนวนสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการจากเดิม 32 แห่ง เป็น 36 แห่ง หรือครอบคลุมสถาบันการเงินของประเทศไปแล้วกว่า 90%
ทั้งนี้ โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM มีความพิเศษที่ให้โอกาสลูกหนี้สามารถเลือกผ่อนชำระได้ตามความสามารถและช่วยเหลือประชาชนได้แท้จริง อีกทั้งสถาบันการเงินทุกแห่งล้วนมีความตั้งใจในการเข้ามาให้ความช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่กำลังเดือดร้อนจากการเป็นหนี้เสีย โดยเฉพาะลูกหนี้ประเภทบัตรเครดิต บัตรกดเงินสดและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ที่มียอดค้างชำระมากกว่า 120 วัน ให้มีกำลังในการแก้ปัญหาหนี้สินของตัวเอง และสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่