ผนึก 3 สนามบินดึงยุโรปเที่ยวไทย "สุริยะ" ปลื้มยูเนสโกยก SAT-1 สวยที่สุดของโลก

“สุริยะ” ปลื้ม! “ยูเนสโก” ยก “อาคาร SAT–1” ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิติดอันดับ 1 ใน 6 สนามบินสวยที่สุดในโลก ประจำปี 2567 จ่อประกาศผล 2 ธ.ค.นี้ ส่วน ทอท.จัดประชุมสุดยอดผู้นำการบินโลก พร้อมจ่อลงนาม 3 สนามบิน “เวียนนา-มิลาน-เซาท์เบนด์” ผนึกกำลัง Sister Airport หวังดึงผู้โดยสารชาวยุโรปเข้าไทย พร้อมเล็งเจรจาแอร์ไลน์ เปิดไฟลท์บินตรง–Transfer มาไทย หนุนไทยศูนย์กลางการบินภูมิภาค

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้องค์การ Prix Versailles ได้ร่วมกับ UNESCO จัดอันดับให้อาคาร SAT-1ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็น 1 ใน 6 ท่าอากาศยานที่มีความ งดงามที่สุดในโลก ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่ได้รับการจัดอันดับด้านรางวัลสถาปัตยกรรม อัตลักษณ์การออกแบบและเรื่องสุนทรียศาสตร์ที่สวยที่สุดของโลก จากยูเนสโก โดยจะมีการประกาศผลอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 2 ธันวาคม 2567 ณ สำนักงานใหญ่ UNESCO กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

ด้านพลตำรวจเอกวิสนุ ปราสาททองโอสถ ประธานกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเชิงอภิปราย AOT Sister Airport CEO Forum 2024 ภายใต้หัวข้อหลัก “Embracing the Next Chapter in Aviation Industry” ก้าวสู่บทใหม่ของอุตสาหกรรมการบิน ว่า การประชุมในครั้งนี้ ได้นำเสนอความพร้อมของท่าอากาศยานไทยในการก้าวไปสู่การพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินและท่องเที่ยวในภูมิภาค ที่ให้ความสำคัญในด้านนวัตกรรม และการเติบโตอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังเดินหน้าพัฒนาท่าอากาศยานให้มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และระบบอัตโนมัติ ไปจนถึงแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ด้านนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า การประชุมเชิงอภิปราย AOT Sister Airport CEO Forum 2024 มีผู้บริหารระดับสูงของท่าอากาศ ยานภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างท่าอากาศยาน (Sister Airport Agreement : SAA) รวม 18 แห่ง กับ ทอท. และผู้บริหารองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) สภาสมาคมท่าอากาศยานระหว่างประเทศ (ACI) และสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) สายการบิน หน่วยราชการ รวมทั้งผู้บริหารและพนักงาน AOT เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว

นอกจากนี้ ยังมีการทำงานร่วมกันในเชิงบูรณาการเพื่อยกระดับการดำเนินงานและพัฒนาอุตสาหกรรมการบินด้วยความยั่งยืน อีกทั้งท่าอากาศยานภายใต้เครือข่าย SAA ซึ่งล้วนแต่เป็นท่าอากาศยานชั้นนําระดับโลกที่ประสบ ความสำเร็จ จะร่วมถ่ายทอดประสบการณ์แนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุดที่สามารถนำมาปรับใช้กับท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท.ได้ และยังเพิ่มโอกาสในการขยายพันธมิตรทางธุรกิจในอุตสาหกรรมการบินที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย

สำหรับปัจจุบัน ทอท.ได้จัดทํา SAA กับองค์กรบริหารท่าอากาศยานระหว่างประเทศ จำนวน 14 แห่ง มีท่าอากาศยานระหว่างประเทศภายใต้ SAA จำนวน 18 ท่าอากาศยาน ขณะเดียวกันในปี 68 ทอท.เตรียมบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างท่าอากาศยานเพิ่มเติมอีก 3 ท่าอากาศยาน ได้แก่ 1.ท่าอากาศยานนานาชาติเวียนนา 2.ท่าอากาศยานนานาชาติมิลานมัลเปนซา และ 3.ท่าอากาศยานนานาชาติเซาท์เบนด์ ทั้งนี้ การผนึกกำลังระหว่าง ทอท. กับ 3 ท่าอากาศยานดังกล่าวนั้น เนื่องจาก ทอท. ต้องการดึงผู้โดยสารชาวยุโรปมาประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น รวมถึงเจรจาร่วมสายการบินต่างๆ เพื่อให้เปิดเส้นทางการบินจากกลุ่มประเทศยุโรปมาประเทศไทยมากขึ้นด้วย

นายกีรติกล่าวต่อว่า นอกจากนั้น ทอท.ยังได้มีการหารือกับบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในการเป็นฮับด้านการบิน โดยการดึงผู้โดยสารเข้ามา ซึ่งการบินไทยได้มีการตอบรับและอยู่ระหว่างเพิ่มเครื่องบินรวมถึงเพิ่มเส้นทางบิน เนื่องจากปัจจุบันได้มีการเชื่อมต่อกับเกตเวย์ต่างๆ เช่น ประเทศอังกฤษ, ฝรั่งเศส และอิสตันบูล ซึ่งการบินไทยก็มีเป้าหมายในการดึงผู้โดยสารต่างประเทศเข้ามาผู้โดยสารที่ถ่ายลำ/เปลี่ยนลำ (Transit/Transfer) ในประเทศไทย สำหรับเป้าหมายนั้นดูจากจำนวนของผู้โดยสารที่ถ่ายลำ/เปลี่ยนลำ โดยที่ผ่านมาได้มีการประชุมร่วมกับการบินไทย เพื่อที่จะทำให้ผู้โดยสารที่มาจาก เช่น อังกฤษจะไปออสเตรเลีย แวะมาเปลี่ยนลำที่ประไทยได้ ซึ่งถือเป็นประโยชน์ทั้งในส่วนของ AOT และการบินไทยในการที่จะเติบโตไปในอนาคต เนื่องจากสายการบินเองก็ต้องการให้คนมาใช้บริการเยอะๆ

“ปัจจุบันพบผู้โดยสารถ่ายลำ/เปลี่ยนลำ ขณะนี้อยู่ระหว่างกำลังไต่ระดับขึ้นมาอยู่ที่ 4% ของผู้โดยสารทั้งหมด โดยปีหน้าคาดว่า Transit/ Transfer จะอยู่ที่ 5% เท่านั้น ที่เหลือกว่า 96% จะเป็นกลุ่มที่อยากมาเมืองไทยที่เป็นจุดหมายปลายทางเป็นหลัก โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนเครื่อง ดังนั้น จะทำยังไงให้ผู้โดยสารถ่ายลำ/เปลี่ยนลำ โตอีก 10-20% จึงเป็นเหตุให้ ทอท. ต้องทำงานร่วมกับแอร์ไลน์ โดยมองว่าการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค หรือเอวิเอชันฮับ นั้นต้องมี Transfer อย่างน้อย 20% ซึ่งในส่วนของสิงคโปร์อยู่ที่ 40% ของไฟลท์ทั้งหมด.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่