นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ตอบคำถามกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีปราศรัยที่ จ.อุดรธานี เกี่ยวกับการแจกเงิน 10,000 บาทให้ผู้ที่อายุเกิน 60 ปี ว่า เรื่องนี้มาจากการแจกเงินในเฟส 1 ที่ให้กลุ่มคนเปราะบาง ที่มีปัญหาเรื่องรายได้ก่อน และส่วนที่เหลือก็ต้องมาดูกลุ่มที่มีปัญหาสภาพคล่อง ที่ยังไม่ได้รับเงินหมื่น ซึ่งจะนำหลักการณ์นี้เข้าสู่การพิจารณของคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานวันที่ 19 พ.ย.นี้ โดยกลุ่มนี้จะไม่ซ้ำกับกลุ่มเปราะบางที่ได้ไปก่อนหน้านี้ และคาดว่า จะมีไม่กี่ล้านคน ทำให้ใช้วงเงินไม่มากนัก
นอกจากนั้นในส่วนของการใส่เงินที่เหมาะสมตามรูปแบบ โปรแกรมและแพลตฟอร์มดิจิทัลต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ เพื่อให้ประชาชนจะมีช่องทางในการติดต่อกับรัฐอย่างถาวรผ่านระบบดิจิทัลซึ่งรูปแบบสามารถปรับเปลี่ยนไปได้ตามต้องการและเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งเรื่องนี้จะต้องค่อยๆทำต่อไปไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาช่องทางแอปทางรัฐ หรือแอปอื่นๆตรงนั้นก็มาดูอีกที
นายพิชัย ได้ตอบข้อซักถามต่อที่ว่า กรณีที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของสหรัฐฯ ประเทศไทยจะต้องมีการปรับเปลี่ยนมาตรการในการลงทุนหรือไม่ ซึ่งในเรื่องนถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการลงทุนของไทยนั้นแผ่วมาตลอด 20 ปีที่ผ่านมา โดยปัญหาก็มาจากหลายส่วน ไม่ว่าจะมาจาก หนี้ครัวเรือน และเอสเอ็มอี ทำให้คนไม่มีเงินมาลงทุน เป็นต้น