อินเดียว่าที่ “มหาอำนาจ” แห่งเอเชีย เปิดโอกาสและความเสี่ยง "ธุรกิจไทย" ค้าขายอย่างไรให้ได้ใจลูกค้า

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

อินเดียว่าที่ “มหาอำนาจ” แห่งเอเชีย เปิดโอกาสและความเสี่ยง "ธุรกิจไทย" ค้าขายอย่างไรให้ได้ใจลูกค้า

Date Time: 7 พ.ย. 2567 13:10 น.

Video

“The Summer Coffee Company” มากกว่า เครื่องดื่ม คือ ความสุข | Brand Story Exclusive EP.3

Summary

  • ไทยจะจับโอกาสการลงทุนอย่างไร เมื่อ "อินเดีย" ว่าที่มหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 3 ของโลก เปรียบเหมือนจีนเมื่อ 30 ปีที่แล้ว Thairath Money ชวนส่องโอกาสและความท้าทายของธุรกิจไทยในตลาดอินเดีย จากงานเสวนาธนาคารกรุงเทพ หัวข้อเป้าหมายถัดไป: อินเดีย

Latest


โลกมาถึงยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจ โดยในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ทั่วโลกให้การจับตามองว่า “อินเดีย” จะขึ้นมาเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 3 แทนที่ญี่ปุ่น โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากเศรษฐกิจที่เติบโตสูงเฉลี่ยปีละ 8% และจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก 1.4 พันล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผลักดันกำลังซื้อในประเทศให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบัน อินเดียมีกำลังซื้อมากเป็นอันดับ 3 ของโลก

เป็นเหตุผลให้ประเทศเศรษฐกิจทั้งขนาดเล็กและใหญ่พร้อมใจกันเข้ามาปักหมุดลงทุน รวมถึงไทยที่มีความสัมพันธ์ด้านการค้า การลงทุนที่ดีกับอินเดียมาอย่างยาวนาน ก็จะต้องเร่งมือแข่งขันชิงโอกาสในตลาดอินเดีย ไม่ให้ตกขบวน

Thairath Money ชวนส่องโอกาสและความท้าทายของธุรกิจไทยในตลาดอินเดีย จากงานเสวนาธนาคารกรุงเทพ หัวข้อเป้าหมายถัดไป: อินเดีย

โอกาสของธุรกิจไทยในอินเดีย

โอกาสด้านการค้า

ปัจจุบันไทยส่งออกสินค้า 5 ประเภทที่สร้างมูลค่าการค้าจากอินเดียมหาศาลได้แก่ เม็ดพลาสติก, เคมีภัณฑ์, น้ำมันปาล์ม และอัญมณี โดยไทยนำเข้าอัญมณีจากอินเดียมาเจียระไน แล้วส่งกลับไปขายต่างประเทศ โดยใช้อินเดียเป็นฮับกระจายสินค้า เนื่องจากอินเดียเป็นฮับการส่งออกอัญมณีที่ใหญ่ที่สุดในโลก

อย่างไรก็ตามภายใต้การส่งเสริมนโยบายสินค้า made in India แต่อินเดียยังมีโอกาสนำเข้าสินค้าต้นน้ำ กลางน้ำจากไทย โดยแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าซัพพลายเชน

สินค้าไทยที่มีศักยภาพในตลาดอินเดีย

  • อาหารและเครื่องดื่ม
  • ผลไม้สดและแปรรูป
  • เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์สปา
  • อุปกรณ์ตกแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์
  • อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน
  • อัญมณีและเครื่องประดับ
  • สินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ

โอกาสด้านการลงทุน

รัฐบาลอินเดียมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนอย่างชัดเจน สะท้อนจากมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ทั้งนี้นโยบายมี 2 ระดับ คือระดับรัฐบาลกลาง และรัฐบาลท้องถิ่นที่มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ โดยระหว่างรัฐจะแข่งขันกันเอง เพื่อดึงดูดนักลงทุน ซึ่งเป็นประโยชน์ในการต่อรองของธุรกิจไทย

นอกจากนี้รัฐบาลยังส่งเสริมการสร้างนิคมอุตสาหกรรมในแต่ละรัฐ โดยถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่ต้องเริ่มศึกษาว่าจะลงทุนธุรกิจในรัฐใดที่เอื้อต่อการดำเนินงานมากที่สุด เนื่องจากในการทำการค้าเมื่อถึงจุดหนึ่ง ไทยจะไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้ จึงต้องมีการลงทุนควบคู่ไปด้วย โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีบริษัทขนาดใหญ่ของไทยจากหลายอุตสาหกรรม กระจายการลงทุนไปตามรัฐต่างๆ ในอินเดีย

45 ธุรกิจไทยบุกตลาดอินเดีย

ธุรกิจที่มีศักยภาพในอินเดีย

  • อาหารแปรรูปและสินค้าเกษตร อินเดียอยากให้ไทยลงทุน เพราะมีสินค้าเกษตรเยอะ
  • ยานยนต์และส่วนประกอบ
  • สินค้าอุปโภคบริโภค
  • พลังงานทดแทน การบริการ ไทยขึ้นชื่อเรื่องการทำธุรกิจให้บริการ ถือเป็นโอกาสในการเข้าถึงตลาดขนาดใหญ่ โดยคนอินเดียท่องเที่ยวในประเทศมากถึง 300-400 ล้านคนต่อปี

ความท้าทายของธุรกิจไทย

1. ความซับซ้อนของระบบราชการ
เนื่องด้วยอินเดียเป็นประเทศขนาดใหญ่ ประกอบด้วย 28 รัฐ และ 8 ดินแดนสหภาพ แต่ละรัฐจึงมีรัฐบาลเป็นของตัวเอง ทำให้มีการบังคับใช้กฎหมายแตกต่างกันไปภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ การดำเนินธุรกิจจึงมีความซับซ้อน การมีที่ปรึกษาด้านกฎหมายจึงจำเป็นอย่างมากในการทำธุรกิจในอินเดีย

2. ความหลากหลายทางวัฒนธรรมและตลาด
อินเดียมี 380 ภาษา และมีฮินดูเป็นศาสนาหลัก
ด้วยขนาดประเทศที่ใหญ่ และความเหลื่อมล้ำสูง คนในแต่ละพื้นที่จึงมีความต้องการสินค้าและบริการที่ต่างกัน เช่น รัฐทางอินเดียตะวันออกเฉียงเหนือจะมีความคุ้นเคยกับอาหารไทย และมีกำลังซื้อไม่มาก สินค้าโชว์ห่วยจึงได้รับความนิยม ในขณะที่รัฐอินเดียตอนใต้ ซึ่งมีเมืองหลวงอย่างมุมไบ มีกำลังซื้อสูงกว่าเพราะเต็มไปด้วยคนรวย

3. การแข่งขันสูง
หลายประเทศมองเห็นโอกาสอยากเข้าไปลงทุนในอินเดีย เช่น สหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา ที่เป็นนักลงทุนรายใหญ่ เมื่อเปรียบเทียบกับอาเซียนพบว่า ไทยมีการค้าการลงทุนเป็นอันดับที่ 5 รองจากสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม

4. การใช้มาตรการทางภาษี
เนื่องด้วยอินเดียเป็นประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) การเปิดประเทศโอบรับการลงทุนจากต่างชาติ โดยไม่มีกฎหมายจำกัดขอบเขตที่ชัดเจน อาจทำให้สินค้าราคาถูกจากต่างประเทศเข้ามาตีตลาด จนทำลายอุตสาหกรรมในประเทศได้ อินเดียจึงต้องเข้มงวดกับมาตรการภาษีนำเข้า โดยเฉพาะภาษีนำเข้าที่นอกเหนือจากข้อตกลง FTA จะมีอัตราสูงมาก อีกทั้งเลขพิกัดภาษีศุลกากรที่มีความซับซ้อนในการตีความ ยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อธุรกิจไทย

5. การใช้มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี
มาตรการประเภทนี้มีความเข้มงวดมากกว่ามาตรการภาษี โดยสินค้าบางประเภทจะต้องรับใบควบคุมอนุญาตก่อนส่งออกมายังอินเดีย โดยเฉพาะสินค้าประเภทอาหารและยา นอกจากนี้ยังมีมาตรการจำกัดการนำเข้ารูปแบบอื่นๆ เช่น สินค้าบางประเภทจะต้องขอใบอนุญาตล่วงหน้าจากกรมการค้าต่างประเทศอินเดีย รวมถึงมาตรฐานการควบคุมคุณภาพและทดสอบสินค้า โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และข้อจำกัดด้านบรรจุภัณฑ์ที่ฉลากจะต้องมีการระบุรายละเอียดอย่างชัดเจน เช่น การใส่สัญลักษณ์ระบุอาหารสำหรับคนเป็นมังสวิรัติ

เริ่มต้นทำธุรกิจในอินเดียอย่างไร

1. เริ่มจากการส่งออกสินค้าแล้วขยายไปสู่การลงทุน
2. ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละภูมิภาคอย่างจริงจัง ก่อนลงตลาด
3. สร้างพันธมิตรท้องถิ่น หาคู่ค้า หุ้นส่วนที่เชื่อถือได้
4. ปรับผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการคนอินเดีย
5. เข้าร่วมงานแสดงสินค้าของอินเดียเพื่อเปิดโอกาสในการขยายเครือข่าย
6. ศึกษากฎระเบียบการลงทุน

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 
https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ