ราคาที่ดินภูเก็ต พุ่ง!ไม่มีเพดาน อสังหาฯมูลค่าทะยานแสนล้าน "บันยัน"จ่อทำสถิติใหม่ ผุดโครงการแพงสุด

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ราคาที่ดินภูเก็ต พุ่ง!ไม่มีเพดาน อสังหาฯมูลค่าทะยานแสนล้าน "บันยัน"จ่อทำสถิติใหม่ ผุดโครงการแพงสุด

Date Time: 4 พ.ย. 2567 16:34 น.

Video

ศิรเดช โทณวณิก Gen 3 ดุสิตธานี ธุรกิจที่เป็นมากกว่าโรงแรม | On The Rise

Summary

  • ราคา“ที่ดิน”ภูเก็ต พุ่ง!ไม่มีเพดาน เมืองอสังหาฯ ระดับโลก มูลค่าทะยานแสนล้าน “บันยันกรุ๊ป” เจ้าของ ลากูน่า 3,000 ไร่ หาดบางเทา เผยแผนพัฒนาหมื่นล้าน เดินหน้าสู่อาณาจักร 10,000 ยูนิต รับแรงซื้อเศรษฐีทั่วโลกหลั่งไหลมาภูเก็ต ปั้นส่วนต่อขยาย "ลากูน่า เลคแลนด์" พร้อมเตรียมสร้างสถิติใหม่ เปิดขาย โครงการ Banyan Tree  Beach Terraces เพนต์เฮาส์ใหญ่ 500-700 ตร.ม.ยูนิตแพงสุดบนเกาะภูเก็ต เร็วๆนี้

Latest


ยังนึกภาพไม่ออกว่าหากโครงการ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” โดยมีกาสิโนถูกกฎหมายเป็นหนึ่งในส่วนประกอบ ด้วยเงินลงทุนหลัก 50,000 - 100,000 ล้านบาท/แห่ง จะถูกพัฒนาขึ้นบนเกาะภูเก็ตจริง จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับภาคการท่องเที่ยวและความเคลื่อนไหวในภาคอสังหาริมทรัพย์ของภูเก็ตไปในทิศทางไหน?

หลังมีข้อมูลข่าวปรากฏบางส่วนว่า ภูเก็ต เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมที่เปรียบเป็นไข่มุกอันดามันของไทย อาจเป็น 1 ในเป้าหมายที่รัฐบาลไทยกำลังหานักลงทุนไทยหรือชาวต่างชาติเข้ามาลงทุน แนวคิดเดียวกันกับในกรุงเทพฯ, พัทยา และเชียงใหม่

โดยกระแสข่าวดังกล่าวมาพร้อมกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มหาศาลขึ้นทุกวัน รวมถึงความร้อนแรงของแวดวง “อสังหาฯ ภูเก็ต” ที่กลายเป็นเดสติเนชั่นระดับโลกไปเสียแล้ว ข้อมูลการลงทุนสะสมรวมของนักพัฒนาที่ดินทั้งระดับท้องถิ่นและรายใหญ่ระดับประเทศทะยานเกิน 100,000 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ซึ่งได้แรงหนุนจากความต้องการจากผู้ซื้อที่มีฐานะร่ำรวยทั่วโลก รวมไปถึงนักลงทุนรายย่อยคนไทยที่ซื้อเพื่อปล่อยเช่า โดยเฉพาะความคึกคักของที่ดินตามแนวชายฝั่งตะวันตกของเกาะ ตั้งแต่ย่านหาดบางเทา หาดสุรินทร์ หาดลายัน เชิงทะเล เรื่อยไปจนถึงส่วนตัวเมืองภูเก็ต บริเวณอ่าวฉลอง หาดราไวย์ และอำเภอกะทู้ หาดกมลา ป่าตอง ฯลฯ

ล่าสุด C9 Hotelworks บริษัทผู้นำด้านการวิจัยธุรกิจการท่องเที่ยวและการบริการ เพิ่งออกรายงานโดยประเมินว่า ภูเก็ตกลายเป็นเมืองอสังหาฯ ระดับหรูหรา เทียบชั้นไมอามีและดูไบ แต่ราคาดึงดูดกว่า ทำให้ภูเก็ตกลายเป็นตลาดบ้านพักตากอากาศชื่อเสียงระดับโลก

ราคาที่ดินภูเก็ต พุ่ง!แรง ตลาดซื้อ-ขาย ขึ้นอยู่กับความพอใจ 

Thairath Money ร่วมพูดคุยกับ “ประกายเพชร มีชูสาร” หัวหน้าฝ่ายขายอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต บริษัทที่ปรึกษา ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) ซึ่งเผยข้อมูลน่าสนใจว่า ปัจจุบัน อสังหาฯ ภูเก็ตเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ผู้ซื้อคนไทยและคนต่างชาติ มีโครงการเปิดใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ หรือเฉลี่ยเปิดใหม่ทุกๆ 2 สัปดาห์ ซึ่งไม่เคยมีปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อน โดยเฉพาะตลอดช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา เช่นเดียวกับยอดขายใหม่ สะท้อนจากสถิติของ CBRE ที่เติบโตขึ้นกว่า 2 เท่าตัวจากปีก่อน และสูงสุดในรอบ 20 ปี

ซีบีอาร์อี กล่าวต่อว่า วันนี้ “ภูเก็ต” ไม่ได้มีภาพเป็นทัวริสต์เดสติเนชั่นในแง่การท่องเที่ยวอีกแล้ว แต่กลายเป็นไลฟ์สไตล์เดสติเนชั่นระดับโกลบอล ที่ชวนให้ใครๆ ก็อยากเข้ามาพำนักอยู่อาศัย จากความพร้อมของเมืองหลายๆ แง่ ซึ่งแม้จะมีความกังวลในจำนวนซัพพลายเยอะ แต่พบว่ายังมีกลุ่มดีมานด์ใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่น ผู้ซื้อจาก UAE, ซาอุดิอาระเบีย และอิสราเอล สร้างความคึกคักให้กับตลาดเช่า สร้างผลตอบแทนราว 9-10% ต่อปี จากความต้องการเช่าอยู่ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวของกลุ่มคนต่างชาติ

โดยเฉพาะย่านบางเทาที่ถูกเปรียบเป็นทำเลทอง ไม่ต่างจาก “ทองหล่อ” ของกรุงเทพฯ เทียบคอนโดฯ ขนาดไม่เกิน 60 ตร.ม. มีอัตราค่าเช่าอยู่ที่ 1,000-1,200 บาทต่อตร.ม. หรือ 50,000 ถึง 60,000 บาท/เดือน เลยทีเดียว

ความน่าสนใจของดีมานด์ที่ไม่เคยมีมาก่อน ประกอบกับการเข้ามาลงทุนใหม่ของกลุ่มทุนหลายขนาด ทั้งจากผู้พัฒนาในพื้นที่และส่วนกลาง เช่น ศุภาลัย แสนสิริ กลุ่มเซ็นทรัล ทำให้ “ราคาที่ดิน” ของภูเก็ตเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยเช่นกัน

“ราคาที่ดินขยับแรงจากความเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนต่างๆ ที่เข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง ความแตกต่างคือ ภูเก็ตไม่เหมือนกรุงเทพฯ ที่ตลาดซื้อ-ขายที่ดินแต่ละทำเลจะมีราคาเฉลี่ยเป็นมาตรฐานกำหนดไว้ แต่ที่ดินภูเก็ตตกลงซื้อขายกันผ่านความพอใจของ 2 ฝ่ายเป็นหลัก เพราะเจ้าของที่ดินไม่เดือดร้อน อยากเก็บใคร่เก็บ อยากขายใคร่ขาย ทำให้ราคาแต่ละทำเลกระโดดแบบไม่มีเพดาน เช่น ย่านลายัน ก่อนโควิดขายกันไร่ละ 10-12 ล้านบาท ปัจจุบันในแปลงเดียวกัน ราคาเพิ่มขึ้นมาเท่าตัว อยู่ 25 ล้านบาท/ไร่”

ขณะข้อมูล C9 Hotelworks เผยก่อนหน้า ปัจจุบันที่ดินริมชายหาดบางเทาของภูเก็ต บางแปลงมีการประกาศขายในราคาสูงเกิน 100 ล้านบาทต่อไร่

บันยันกรุ๊ป เจ้าพ่อที่ดิน 3,000 ไร่ ขยับลงทุนใหญ่ในรอบ 30 ปี 

เจาะความเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนที่มีชื่อเสียงและใหญ่สุดในจังหวัดภูเก็ต เจ้าของที่ดินริมหาดบางเทายาวกว่า 3 กิโลเมตร ขนาดเกือบ 3,000 ไร่ “บันยัน กรุ๊ป” เจ้าของอาณาจักรอสังหาฯ ที่ไม่มีใครไม่รู้จักอย่าง “ลากูน่า ภูเก็ต”

ตำนานผู้พลิกฟื้นที่ดินเหมืองเก่าสู่รีสอร์ทแบบครบวงจรชั้นนำของเอเชีย โดยฝีมือและแนวคิดของ “โฮ กวงปิง หรือ KP” ชายชาวสิงคโปร์ ซึ่งปัจจุบันลากูน่าเป็นที่ตั้งของโรงแรมระดับโลก 7 แห่ง เช่น อังสนา, บันยันทรี (วิลล่าแห่งแรกของไทย) และแคสเซีย ฯลฯ ด้วยห้องพักมากกว่า 1,400 ห้อง และยังมีโครงการที่พักอาศัยอีกกว่า 3,000 ยูนิต เช่น

- บันยันทรี เรสซิเดนซ์ (Banyan Tree Residences)
- อังสนา เรสซิเดนซ์ (Angsana Residences)
- ดาวา เรสซิเดนซ์ (Dhawa Residences)
- การ์รียา เรสซิเดนซ์ (Garrya Residences)
- ลากูน่า เรสซิเดนซ์ (Laguna Residences)

รวมมูลค่าการลงทุน ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4.5 หมื่นล้านบาท มหาศาลมากที่สุดในภูเก็ต

ล่าสุด กลุ่มบันยันกำลังขยับครั้งใหญ่เพื่อรองรับความเป็นเมืองเป้าหมายระดับโลกของภูเก็ต หลังเผยว่า ยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยในลากูน่า ได้เพิ่มขึ้นถึง 300% จากการที่ผู้คนหันมาสนใจการมีบ้านพักตากอากาศ หรือ แม้แต่การตั้งถิ่นฐานอย่างถาวรบนเกาะแห่งนี้เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้บันยัน กรุ๊ป ได้รับอิทธิพลจากความต้องการในตลาดสำหรับที่พักอาศัยส่วนตัวบนเกาะภูเก็ตที่สูงยิ่งขึ้น

ด้วยการประกาศเดินหน้าดันแผนระยะกลาง 5-10 ปี ผ่านการเพิ่มโครงการที่พักอาศัยอีกนับ 15,000 ยูนิต (ไม่นับที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 700 ยูนิต) ในลากูน่า ภูเก็ต และส่วนต่อขยาย “ลากูน่า เลคแลนด์” นั่นหมายถึงปัจจุบันมีโครงการที่สร้างเสร็จและอยู่ในระหว่างกำลังพัฒนาเพียง 25% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด คาดการณ์มูลค่าทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นอยู่ที่ 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

“สจ๊วต เรดดิ้ง” กรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มบริษัทบันยัน เผยถึงโอกาสและที่มาของแผนการลงทุนครั้งใหม่ว่า ล้วนมาจากศักยภาพและการเติบโตของจังหวัดภูเก็ตที่ก้าวกระโดดหลังผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19

โดยช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา ภูเก็ตมีผู้เข้ามาท่องเที่ยวเยี่ยมเยือนสูงเป็นอันดับ 14 ของโลก เมื่อเทียบกับเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ จำนวนนักท่องเที่ยวสูง 10 ล้านคน จากไฟลท์บินตรง 70 เมืองทั่วโลก ท่ามกลางการเติบโตและฟื้นตัวแรงของกลุ่มธุรกิจโรงแรมทุกขนาด จำนวนห้องพักสะสม 45,000 ห้อง ด้วยอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 70-80%

ขณะเดียวกัน ก็เป็นอานิสงส์ให้ภาคอสังหาฯ โครงการที่อยู่อาศัยทั้งคอนโดฯ และกลุ่มพูลวิลล่าขยายตัวนับ 5,000 ยูนิต โดย KEY DEMAND สำคัญที่เพิ่มความคึกคักให้กับอสังหาฯ ภูเก็ต ได้แก่

- สนามบินนานาชาติภูเก็ต
- แหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ 8 แห่ง
- ชายหาด 26 หาด
- โรงเรียนนานาชาติ 13 แห่ง
- สนามกอล์ฟชั้นนำ 16 แห่ง
- 4 ท่าเรือชั้นนำ
- โรงพยาบาล 9 แห่ง

อีกทั้ง ปัจจุบันภูเก็ตยังขึ้นชื่อเป็นเมืองเอกเมื่อพูดถึงการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ จากจุดแข็งด้านเวลเนส และเป็นแหล่งจัดเทศกาลสำคัญๆ ระดับประเทศ เช่น กินเจ, ลอยกระทง, คอนเสิร์ต, มาราธอน และไตรกีฬา เป็นต้น

จากปัจจัยข้างต้น ทำให้โรงแรมและโครงการที่พักอาศัยของบันยันกรุ๊ปในอาณาจักรลากูน่า ภูเก็ต ได้รับการตอบรับอย่างสูงในทุกๆ โปรเจ็กต์ โดยปัจจุบัน ลากูน่า ภูเก็ต มีแขกผู้มาพักโรงแรม 3,000 คน และผู้อยู่อาศัยที่เป็นเจ้าของมากถึง 9,000 คน

Top 5 ผู้ซื้อสำคัญของลากูน่า ประกอบไปด้วย

  • รัสเซีย
  • ไทย
  • ฮ่องกง
  • จีน
  • สิงคโปร์

“เจ้าของที่อยู่อาศัยราว 4,000 คน จาก 80+ ประเทศ ประกอบไปด้วย 60% จากเอเชีย 35% จากยุโรป อีก 5% จากประเทศอื่น ๆ”

8 ข้อ ทำไมอสังหาฯ ภูเก็ตถึงน่าสนใจ

“สจ๊วต เรดดิ้ง” ระบุถึงความร้อนแรงของอสังหาฯ ภูเก็ตที่ส่งต่ออานิสงส์มายังลากูน่าว่า มาจาก 8 ปัจจัยหลักๆ

1. นับตั้งแต่ความขัดแย้งตะวันออกกลาง รัสเซีย และยูเครนเกิดขึ้น ก็ทำให้เกิดเทรนด์การย้ายประเทศอยู่อาศัย ซึ่งไทยติดอันดับต้นๆ ที่ชาวรัสเซียย้ายเข้ามาอยู่อาศัย
2. เทรนด์ Remote Work หรือการทำงานระยะไกลของชาวต่างชาติ ซึ่งผลให้ภูเก็ตกลายเป็นเมืองบ้านพักตากอากาศที่ได้รับความนิยม
3. ราคาอสังหาฯ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดึงดูดให้นักลงทุนไทยและต่างชาติซื้อเพื่อถือครอง
4. ราคาที่อยู่อาศัยของภูเก็ตไม่แพงเมื่อเทียบกับเมืองอสังหาฯ ชั้นนำอื่นๆ
5. ความโดดเด่นในแง่ไลฟ์สไตล์และ Well-being ที่ภูเก็ตมีชื่อเสียงระดับโลก
6. การเข้าถึงระบบสาธารณสุขชั้นเยี่ยม
7. ความเป็นเมือง
8. สภาพอากาศเหมาะกับการอยู่อาศัย

“ภูเก็ตเป็นเมืองอสังหาฯ ชั้นนำ Top 4 ของโลก รองจากดูไบ ฟลอริดา และนิวยอร์ก เป็นตลาดระดับบน หรือ Luxury Segment ที่แบรนด์ชั้นนำอยากมาปักหมุด และดึงดูดผู้ซื้อที่นิยมความเป็นแบรนด์เด็ด เรสซิเดนท์ด้วย”

"ความต้องการสำหรับที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ในภูเก็ตที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่นเพิ่มเข้ามาในตลาด อย่างไรก็ตาม บันยัน กรุ๊ป ยังคงเป็นผู้นำในตลาด ด้วยขนาดที่ใหญ่ที่สุดและความพร้อมสูงสุด"

จับตาโครงการอสังหาฯเปิดขายแพงสุดบนเกาะภูเก็ต เกิดขึ้นในลากูน่า 

ทั้งนี้ โครงการใหม่ล่าสุดของบันยัน กรุ๊ป เรสซิเดนซ์ ที่เป็นที่น่าจับตามองที่สุดในปัจจุบัน คือโครงการลากูน่า เลคแลนด์ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่สำหรับผู้อยู่อาศัยโดยเฉพาะ และอยู่ติดกับลากูน่า ภูเก็ต และการประกาศแผนเบื้องต้นถือว่ายิ่งใหญ่สุดในรอบ 30 ปี ที่จะสร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการอสังหาฯ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตอีกด้วย

รวม 8 โครงการในปี 2567 มูลค่าการพัฒนารวม 425 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.4 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะเปิดตัวโครงการเพิ่มเติมด้วยมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3.3 หมื่นล้านบาท ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

โครงการที่อยู่อาศัยล่าสุดในภูเก็ตมีดังนี้


• สกายพาร์ค เอลารา เลคแลนด์ ลากูน่า (Skypark Elara)
• การ์รียา เรสซิเดนซ์ ภูเก็ต ลากูน่า (Garrya Residences Phuket)
• ลากูน่า เลคไซด์ เรสซิเดนซ์ ลากูน่า ภูเก็ต (Laguna Lakeside Residences)
• บีช เทอเรส เฟส 2 ลากูน่า ภูเก็ต (Beach Terraces)
• ลากูน่า บีช เรสซิเดนซ์ เบย์ไซด์ ลากูน่า ภูเก็ต (Laguna Beach Residences Bayside)

สำหรับอีกโครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการใหม่ของลากูน่าที่รอเปิดตัว จะถูกจัดอยู่ในเซกเมนต์ระดับอัลตร้าลักซ์ชัวรี ประกอบด้วย

  1. โครงการ Laguna Bayside ราคาไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท
  2. โครงการ Banyan Tree Oceanus ขนาดใหญ่ 500 ตร.ม. ระดับราคา 250 ล้านบาท
  3. โครงการ Banyan Tree Beach Terraces ขนาดใหญ่ 500 ตร.ม.

โดยบันยันกรุ๊ปเผยว่า สำหรับโครงการ Banyan Tree Beach Terraces ที่มีความสูง 4 ชั้นจำนวน 12 หลัง ซึ่งกำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ อาจสร้างสถิติใหม่ให้กับวงการอสังหาฯ ภูเก็ต ในตำแหน่งโครงการที่อยู่อาศัยที่มีราคาสูงที่สุดในภูเก็ต เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งที่เข้ามาในภูเก็ตใน 3-5 ปีจากนี้ โดยเฉพาะแรงซื้อของเศรษฐีไทยที่มีความน่าสนใจอย่างมีนัย สะท้อนจากยอดขายวิลล่าราคายูนิตละ 275 ล้านบาท ก่อนหน้า พบ 3 ใน 5 เป็นผู้ซื้อคนไทย อีกทั้งประเมินว่าตลาดอสังหาฯ ภูเก็ตนับหลังจากนี้ ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง

หนุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และ กฎหมายพิเศษ ปกครองภูเก็ต 

สำหรับในมุมมองของผู้สร้างอาณาจักร “ลากูน่า” โฮ กวงปิง หรือ KP นั้น วันนี้เชื่อว่า ภูเก็ตไม่ใช่แค่ชื่อจังหวัดท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของประเทศไทย แต่ภูเก็ตอยู่ในตำแหน่งเมืองระดับโลกที่ใครๆ ก็อยากเข้ามาอยู่อาศัย โดยเฉพาะกลุ่มเศรษฐี คนมีเงิน และเป็น safe haven ของพลเมืองโลก นักลงทุนที่มองหาการเติบโตของมูลค่า ทำให้เชื่อว่าในอนาคต ภูเก็ตยังจะมีอีกบทบาท คือ การเป็น GLOBAL CENTER ในแง่ต่างๆ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภูเก็ตจะเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ของชาวต่างชาติ แต่สิ่งที่ภูเก็ตต้องเร่งจัดเตรียม คือ กฎหมาย กฎระเบียบภายในจังหวัดที่ควรได้รับการผลักดันเป็นเขตปกครองพิเศษเหมือนกรุงเทพฯ และพัทยา เพื่อรองรับการเติบโตของเมืองและประชากร

รวมถึงการขยายโครงสร้างพื้นฐานของภูเก็ตให้เพียงพอต่อความต้องการ เช่น ถนน ทางด่วน จากความหนาแน่นของการจราจรที่เปลี่ยนไป เพื่อใช้จุดแข็งที่ภูเก็ตมีทั้งหมดเป็นจุดขาย สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไป

ทั้งนี้ บันยันกรุ๊ปปัจจุบันประกอบธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทกว่า 90 แห่ง สปาและแกลเลอรีรวมกันกว่า 140 แห่ง และเรสซิเดนซ์ภายใต้แบรนด์ 14 แห่งในกว่า 20 ประเทศทั่วโลก จาก 12 แบรนด์ระดับโลก โดยอาณาจักรลากูน่า ภูเก็ต เป็นพื้นที่พัฒนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของบันยันกรุ๊ป

ภายใต้วิสัยทัศน์ระยะยาวของ "KP" ที่ระบุว่า ในการสร้างชุมชนที่ดี ไม่ใช่แค่การสร้างอสังหาริมทรัพย์เพียงอย่างเดียว การเป็นเจ้าของที่พักในลากูน่า ภูเก็ต หรือ ลากูน่า เลคแลนด์ จึงหมายถึงการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนแห่งนี้ด้วย

ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ