นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นประธานการหารือร่วมระหว่างสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) นำโดยนายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการ สคบ. ร่วมกับตัวแทนผู้บริหารธุรกิจขนส่งประกอบด้วย บริษัท เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นและซักซ้อมทำความเข้าใจร่วมกัน ถึงแนวปฏิบัติในการจัดส่งสินค้าในกลุ่มให้บริการเก็บเงินปลายทาง (COD) ให้สอดรับกับประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่องให้ธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าโดยเรียกเก็บเงินปลายทาง เป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ.2567 หรือ “มาตรการส่งดี (Dee-Delivery)” ของ สคบ.ซึ่งมีผลใช้บังคับ 3 ต.ค.67นี้
นางสาวจิราพรกล่าวว่า “มาตรการส่งดี ( Dee-Delivery)” มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าแบบเก็บเงินปลายทางโดยผู้ให้บริการขนส่งสินค้า ต้องจัดทำหลักฐานการรับเงิน ส่งมอบให้ผู้บริโภคทันทีที่ได้รับชำระเงินจากผู้บริโภค และให้สิทธิ์ผู้บริโภคสามารถเปิดดูสินค้าก่อนชำระเงินได้ หากพบว่าสินค้ามีปัญหา เช่น สั่งซื้อสินค้าแล้วได้รับสินค้าไม่ตรงกับที่สั่งซื้อ ไม่ได้สั่งซื้อสินค้าแต่มีสินค้าไปส่งแล้วเรียกเก็บเงินปลายทาง และสินค้าที่ได้รับมีความชำรุดบกพร่อง สามารถปฏิเสธการชำระเงินและไม่รับสินค้าได้ หรือหากไม่อยู่ในวิสัยที่จะเปิดดูสินค้า โดยรับสินค้าไว้และชำระเงินแล้ว มาตรวจสอบภายหลังพบว่ามีปัญหาสามารถขอคืนสินค้าและขอเงินคืนได้ภายใน 5 วัน และผู้ให้บริการขนส่งสินค้าต้องคืนเงินให้กับผู้บริโภคภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ทั้งนี้ ได้สั่งให้ สคบ.ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ผู้บริโภค ผู้ขนส่งและผู้ขายสินค้าอย่างทั่วถึง และตั้งคณะทำงานติดตามผลการบังคับใช้ต่อไป
นายวราวุธ นาถประดิษฐ์ รองซีอีโอ บมจ.เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากข้อจำกัดด้านระยะเวลา ยังมีข้อกังวลด้านขั้นตอนที่ต้องศึกษาเพิ่มเติม เพื่อปรับกระบวนการภายในให้สอดรับกับประกาศนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคมากที่สุด ซึ่งบริษัทพร้อมสนับสนุนกฎหมาย สคบ.ที่คุ้มครองผู้บริโภคที่สั่งซื้อสินค้าแบบเก็บเงินปลายทาง ขณะที่นายพูลลาภ ป้องกันภัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยพร้อมร่วมมือและสนับสนุนการคุ้มครองผู้บริโภคร่วมกับ สคบ.