“ปั๊มแก๊ส” ทยอยปิดตัว ราคา NGV-LPG ปรับแพงขึ้น ชนวนเปลี่ยนผ่าน “รถแท็กซี่ไฟฟ้า” ใน กทม.

ย้อนไปเมื่อปี 2561 ยอดจดทะเบียน รถแท็กซี่ไฟฟ้า (BEV) ของกรุงเทพฯ มีอยู่เพียง 50 คัน เท่านั้น ก่อนเห็นการค่อยๆ ขยับ และก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว มาอยู่ที่ 474 คัน ขณะ ณ 30 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา กรมการขนส่งทางบก รายงานว่า ยอดจดทะเบียน Taxi ไฟฟ้า สะสมมากถึง 1,211 คัน จากทั้งตลาด 75,184 คัน 

จากตัวเลขดังกล่าว จะเห็นได้ว่า Taxi ป้ายแดง เปลี่ยนเป็น BEV มากขึ้น ซึ่งนอกจาก ปัจจัย กระแส ไทยกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ ยุค EV ที่เร็วและแรงแล้ว ปัจจัยต้นทุนที่สูงขึ้น ในฝั่งคนขับรถแท็กซี่ ก็เป็นตัวเร่งเช่นกัน 

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์ว่า ตลาด Taxi ไฟฟ้า กำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมคาดว่า ปี 2567 นี้ ส่วนแบ่งของรถกลุ่มนี้ ในตลาดรถแท็กซี่ น่าจะพุ่งไปอยู่ที่ 49% ของยอดจดทะเบียน Taxi ใหม่ทั้งตลาด ที่ 3,300 คัน 

ในทางกลับกัน รถแท็กซี่ ที่ใช้แก๊ส NGV ส่วนแบ่งจะลดเหลือ 15% จากปัญหาต้นทุนที่สูงกว่าและการหาปั๊มเติมยาก ขณะที่ Taxi LPG แม้ราคาแก๊สเพิ่มเช่นกัน แต่ปริมาณปั๊มที่ยังมาก ทำให้ยังเป็นทางเลือกแก่กลุ่มที่ยังไม่พร้อมหรือกังวลเรื่องเทคโนโลยีใหม่

สำหรับสาเหตุหลักที่ Taxi ไฟฟ้าเติบโตขึ้นมาก คาดว่ามาจากต้นทุนของทั้งฝั่งคนขับ Taxi และฝั่งผู้ประกอบการให้เช่า Taxi นั้นถูกลงกว่าการใช้ Taxi ที่เป็นพลังงานรูปแบบเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกรณี Taxi ส่วนบุคคลที่เป็น Taxi ไฟฟ้า ต้นทุนต่อวันก็จะถูกลงอีกมาก เนื่องจากสามารถชาร์จไฟจากที่พักอาศัยได้เลยในระดับเดียวกับค่าไฟบ้าน กรณีเป็นการเช่าแท็กซี่ขับ ต้นทุนต่อวัน อาจลดมาเหลืออยู่ที่ 1,117 บาท ส่วนคนขับแท็กซี่ที่เป็นเจ้าของรถเอง ต้นทุนต่อวันจะต่ำอยู่ที่ 469 บาท เท่านั้น 

ภาพเปรียบเทียบต้นทุนต่อวันของคนขับแท็กซี่ 

ปั๊มเติมแก๊ส ทยอยปิดตัว ชนวนเร่ง "รถแท็กซี่ไฟฟ้า" บนท้องถนน 

นอกเหนือจากประเด็นเรื่องต้นทุนแล้ว ความไม่สะดวกในการหาปั๊มเติมแก๊สก็เป็นอีกประเด็นสำคัญ หลังมีสัญญาณการทยอยปิดตัวลงของปั๊มแก๊ส จากการที่ราคาแก๊สทั้ง NGV และ LPG ปรับเพิ่มขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งแม้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการมาของ Taxi ไฟฟ้า แต่ก็มีผลทำให้ Taxi กลุ่มพลังงานอื่น โดยเฉพาะ NGV อาจเติบโตได้ลำบากขึ้นในอนาคตจากความไม่สะดวกดังกล่าว

ในทางตรงกันข้าม ฝั่งของ Taxi ไฟฟ้า แม้ราคาชาร์จไฟจะเพิ่มขึ้น แต่จำนวนสถานีชาร์จไฟฟ้าที่เร่งขึ้นมากและจะเพิ่มขึ้นต่อในอนาคต ก็ลดปัญหา และเพิ่มความสะดวกมากขึ้นกับผู้ขับขี่

"ปัญหาราคาแก๊ส NGV ที่อาจถูกปล่อยให้ลอยตัวในอนาคตและปริมาณปั๊มแก๊สที่อาจลดลงอีก อาจทำให้ในอนาคต อาจเหลือเพียง Taxi LPG ที่น่าจะยังพอไปต่อได้ ขณะรถแท็กซี่ไฟฟ้า จะขยายตัวมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับจำนวนสถานีชาร์จสาธารณะ การจัดหาอะไหล่และการซ่อมบำรุง ซึ่งมีผลต่อความเชื่อมั่น โดยเฉพาะกลุ่มคนขับแท็กซี่แบบเช่าที่ไม่ต้องการให้มีอะไรมาเป็นอุปสรรคต่อการหารายได้ประจำวัน"

ที่มา : กรมขนส่งทางบก, ศูนย์วิจัยกสิกรไทย 

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 

https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney