นายอัทธ์ พิศาลวานิช นักวิชาการอิสระและผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงความเสี่ยงทุเรียนไทยปีนี้และในอีก 5 ปีข้างหน้าว่า อีก 5 ปีข้างหน้า หรือในปี 2571 ไทยจะยังคงครองแชมป์ผู้ส่งออกทุเรียนอันดับ 1 ของโลก และครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดอันดับ 1 ในตลาดจีนได้ แต่มีโอกาสที่ทุเรียนเวียดนามจะแซงหน้าไทยในจีนได้ เพราะทุเรียนไทยมีความเสี่ยงหลายด้านที่ต้องเร่งแก้ปัญหา หากรัฐบาลแก้ไขได้สำเร็จ ไทยจะยังคงครองแชมป์ของโลกได้อย่างต่อเนื่อง สร้างรายได้ให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท จากปีนี้ที่คาดสร้างรายได้ 980,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140,000 ล้านบาท หรือ 16.2% จากปีที่ผ่านมา
“ความเสี่ยงของทุเรียนไทย ได้แก่ ภัยแล้งและปริมาณน้ำไม่เพียงพอ เพราะไทยปลูกกระจายทุเรียนทั่วประเทศ ทั้งในเขตชลประทานและนอกเขต คาดว่าใน 5 ปี หรือปี 2567-2571 หากเกิดภัยแล้งและน้ำไม่เพียงพอ ผลผลิตทุเรียนไทยจะลดลง 53% หรือผลผลิตหายไป 640,000 ตัน จากปกติที่มี 1.4 ล้านตัน เฉพาะปีนี้จะลดลง 42% หรือหายไป 540,000 ตัน ขณะที่ผลผลิตเวียดนามเพิ่มขึ้นมาก เพราะปลูกบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ ที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์ ส่งผลให้ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หรือตั้งแต่ปี 2557 ผลผลิตของเวียดนามเพิ่มขึ้น 200% จาก 270,000 ตัน เป็น 825,000 ตัน ในปีที่ผ่านมา”
นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากต้นทุนผลิต และต้นทุนการขนส่งสูง โดยเฉลี่ยต้นทุนผลิตไทยเพิ่มขึ้นกิโลกรัม (กก.) ละ 10 บาทต่อปี โดยปีนี้ อยู่ที่ กก.ละ 40 บาท เพิ่มจากปีที่ผ่านมาที่ กก.ละ 30 บาท ส่วนเวียดนาม กก.ละ 19 บาท เพิ่มจาก กก.ละ 15 บาท ต่างกัน กก.ละ 21 บาท คาดว่า จะเพิ่มขึ้นอีก ส่วนต้นทุนค่าขนส่งของไทยก็แพงกว่าเวียดนาม เพราะเวียดนามอยู่ใกล้จีนมากกว่า ส่งผลให้ราคาขายทุเรียนไทยสูงกว่าเวียดนาม
โดยของไทยปีนี้ เกษตรกรขายได้ กก.ละ 150-180 บาท ราคาขายส่ง ณ ตลาดเจียงหนานของจีน กก.ละ 230-255 บาท และราคาขายปลีกสู่ผู้บริโภคจีน กก.ละ 270-300 บาท ส่วนเวียดนาม เกษตรกรขายได้ กก.ละ 130-157 บาท ตลาดเจียง หนาน กก.ละ 190-220 บาท และขายปลีก กก.ละ 250-270 บาท
“ภัยแล้งที่ทำให้ผลผลิตทุเรียนไทยออกสู่ตลาด ล่าช้ามาจนถึงเดือน พ.ค.นี้ และผลผลิตลดลง ทำให้ไตรมาสแรกปีนี้ เวียดนามส่งออกทุเรียนมากกว่าไทย โดยส่งออกได้ 36,800 ตัน และไทย 17,900 ตัน มูลค่า 5,786 ล้านบาท แต่คาดว่าตลอดทั้งปีนี้ ไทยจะยังคงครองแชมป์ส่งออกทุเรียนไปจีนได้ที่ 808,470 ตัน และเวียดนาม 546,502 ตัน”
ขณะเดียวกันยังมีความเสี่ยงจากผลผลิตเกือบ 100% พึ่งพาตลาดจีนเพียงตลาดเดียว ไม่กระจายส่งออกไปตลาดอื่น คุณภาพไม่ได้มาตรฐาน มีการเร่งตัดทุเรียนอ่อน ยังขาดแคลนแรงงานเก็บทุเรียนและล้งจีน (ผู้รวบรวมผลผลิตคัดแยกและส่งออก) ที่มีจำนวนมาก ซึ่งปีนี้มีล้งจีนมากถึง 1,350 ราย เพิ่มขึ้น 665 ราย จากปีที่ผ่านมาที่ 685 ราย ส่วนล้งไทยอยู่ที่ 10 ราย จากปีที่ผ่านมาที่มี 25 ราย คาดว่าล้งไทยจะลดลงอีกจากปัญหาเงินทุนและเครือข่ายล้งจีนที่แข็งแกร่งขึ้น โดยปีนี้ที่คาดทุเรียนสร้างรายได้ให้ผู้เกี่ยวข้อง 980,000 ล้านบาท อยู่ในกลุ่มล้งถึง 236,200 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นล้งจีน 70% อยู่ในมือเกษตรกร 221,400 ล้านบาท
“ไทยต้องแก้ปัญหาภัยแล้งโดยเสนอให้เป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลต้องแก้ปัญหาโดยด่วนที่สุด เพื่อให้ทุเรียนและพืชอื่นๆมีน้ำอย่างเพียงพอ เพิ่มผลผลิต เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร รวมถึงเน้นคุณภาพของทุเรียน เพื่อให้แข่งขันกับผลผลิตของเวียดนามที่เพิ่มขึ้นและคุณภาพดีขึ้น”.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่