กลุ่มเปราะบางส่อหนี้เสียพุ่ง ธปท.ปรับเกณฑ์ช่วยเหลือ-จ่อต่ออายุพักหนี้

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

กลุ่มเปราะบางส่อหนี้เสียพุ่ง ธปท.ปรับเกณฑ์ช่วยเหลือ-จ่อต่ออายุพักหนี้

Date Time: 21 ก.พ. 2566 07:36 น.

Summary

  • ธปท.เผยรายใหญ่เอสเอ็มอีภาครัฐแห่คืนหนี้ แบงก์ขายพอร์ต สินเชื่อ กดยอดปล่อยสินเชื่อปี 65 โต 2.1% ชะลอลงจากปีก่อน ห่วงกลุ่มเปราะบางหนี้เสียเพิ่ม ปรับเกณฑ์ช่วยเหลือคลินิกแก้หนี้ใหม่

Latest

ล้อมคอกรถโดยสารสาธารณะยึดมาตรฐาน "UN”

ธปท.เผยรายใหญ่เอสเอ็มอีภาครัฐแห่คืนหนี้ แบงก์ขายพอร์ต สินเชื่อ กดยอดปล่อยสินเชื่อปี 65 โต 2.1% ชะลอลงจากปีก่อน ห่วงกลุ่มเปราะบางหนี้เสียเพิ่ม ปรับเกณฑ์ช่วยเหลือคลินิกแก้หนี้ใหม่ ให้รับแก้หนี้เอ็นพีแอลก่อน 1 ก.พ.66 ได้ ชี้มีโอกาสต่ออายุโครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพักทรัพย์พักหนี้ อีก 1 ปี

น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 1 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงผลดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 4 ปี 65 และมาตรการเพิ่มเติมดูแลลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ว่า ธนาคารพาณิชย์มีความมั่นคง และมีเสถียรภาพ โดยมีเงินกองทุน เงินสํารอง และสภาพคล่องระดับสูง สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้ ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 30.7% จากปีก่อน แต่การปล่อยสินเชื่อชะลอลงจากไตรมาส 3 จากการชําระคืนหนี้ของธุรกิจขนาดใหญ่ การคืนหนี้ภาครัฐ และการครบระยะเวลาการกู้ยืมของสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี (ซอฟต์โลน) ของทางการ รวมทั้งการโอนพอร์ตรายย่อยไปยังบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งไปยังบริษัทบริหารหนี้ ส่งผลให้ทั้งปี 65 สินเชื่อทั้งระบบขยายตัว 2.1% ชะลอลงจากปีก่อน ทั้งนี้ สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ลดลง 1.3% จากไตรมาสก่อน, สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี ลดลง 2.4% ลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 ส่วนสินเชื่อเพื่อการอุปโภคลดลงทั้งหมด ยกเว้นสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม สินเชื่อบัตรเครดิตที่ลดลง 14.2% เพราะมีการขยายพอร์ตสินเชื่อของบางธนาคาร แต่หากตัดส่วนนี้ไป สินเชื่อบัตรเครดิตจะขยายตัว 6.8% ชะลอจากไตรมาสที่ 3 ที่ขยายตัว 10.9%

ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท.กล่าวต่อว่า จากการช่วยเหลือลูกหนี้ด้วยการเร่งปรับโครงสร้างหนี้ ส่งผลให้ยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ (เอ็นพีแอล) ปี 65 อยู่ที่ 499,200 ล้านบาท หรือ 2.73% ของสินเชื่อรวม ลดลงจากไตรมาสก่อน โดยลดลงจากสินเชื่อธุรกิจเป็นหลัก ขณะที่เอ็นพีแอลสินเชื่อเพื่อการบริโภคทรงตัว แต่สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบัตรเครดิตมีหนี้เสียเพิ่มขึ้น “ธปท.ยังติดตามความสามารถชําระหนี้ของภาคครัวเรือนและการฟื้นตัวของธุรกิจบางกลุ่ม เพราะผลกระทบของโควิดที่ยังมีอยู่ ค่าครองชีพที่สูงขึ้นมาก และดอกเบี้ยที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มต่อเนื่อง ส่งผลให้เอ็นพีแอลยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง แต่การปรับโครงสร้างหนี้จะช่วยไม่ให้เพิ่มขึ้นรุนแรง”

สำหรับหนี้ครัวเรือนล่าสุดไตรมาส 3 มีสัดส่วน 86.8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ถือว่าสูง แต่ ธปท.ได้เพิ่มการติดตามหนี้ภาคเอกชน ทำให้หนี้ภาคธุรกิจต่อจีดีพี ไตรมาส 3 อยู่ที่ 87.1% ลดลงจากช่วงโควิด และบริษัทยังรองรับ หนี้ได้ เพราะมีความสามารถในการทำกำไร แต่ต้องติดตามธุรกิจกลุ่มเปราะบางที่ต้นทุนเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่เป็นหนี้เสียในส่วนของสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ธปท.ได้ปรับเงื่อนไขคุณสมบัติลูกหนี้เอ็นพีแอลที่จะเข้าร่วมปรับโครงสร้างหนี้ผ่านคลินิกแก้หนี้ โดยให้รับแก้หนี้ของลูกหนี้หนี้เอ็นพีแอลก่อนวันที่ 1 ก.พ.66 เพื่อช่วยลูกหนี้ที่เพิ่งเป็นเอ็นพีแอลในช่วงปลายโควิดได้ โดยที่ผ่านมาคลินิกแก้หนี้ช่วยแก้หนี้แล้ว 150,000 บัญชี จากลูกหนี้ 36,000 ล้านราย (รายละ 2-3 บัญชี) วงเงินที่แก้หนี้ได้ 7,140 ล้านบาท นอกจากนั้นยังกำลังเจรจาเจ้าหนี้เพิ่มเติม เพื่อให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกโครงการคลินิกแก้หนี้ จากขณะนี้มี 35 ราย เพื่อให้ครอบคลุมการช่วยเหลือลูกหนี้ให้มากขึ้นจากขณะนี้ประมาณ 70%

“วันที่ 9 เม.ย.นี้ จะครบกำหนดความช่วยเหลือของโครงการสินเชื่อฟื้นฟู เพื่อช่วยเอสเอ็มอีรายเล็ก, โครงการพักทรัพย์พักหนี้ และความช่วยเหลือพิเศษของ ธปท.เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์เร่งปรับโครงสร้างหนี้ แม้จะสิ้นสุดความช่วยเหลือพิเศษ แต่แบงก์จะยังคงมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ต่อเนื่อง ส่วนโครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพักทรัพย์พักหนี้ ธปท.กำลังหารือว่าจะต่อโครงการได้หรือไม่ ซึ่งมีโอกาสที่จะต่อโครงการได้อีก 1 ปี”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ