บอร์ดสลากฮึดสู้ลั่น ปี 2566 เดินหน้าปราบคนขายหวยเกินราคาใบ 80 บาท ให้ตำรวจจับกุมทันที ไม่มีดราม่า มุ่งไปที่ผู้ค้ารายใหญ่ที่รวบรวมสลาก ต้นตอทำให้ราคาแพง ส่วนรายย่อยจะถูกปรับลดจาก 5 เล่ม เหลือ 3 เล่ม หากต้องการได้รับสลาก 5 เล่มต้องเข้าสลากดิจิทัล จ่อชง ครม.ห้ามโฆษณาทุกแพลตฟอร์ม และอนุมัติเพิ่มสลากดิจิทัล 30 ล้านใบปีนี้ 40 ล้านใบในปี 2567 และ 50 ล้านใบในปี 2568
นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) สลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ในปี 2566 จะเป็นปีแห่งการปราบปรามการจำหน่ายสลากเกินราคา หรือขายหวยเกินราคาใบละ 80 บาท โดยจะเริ่มจากการตรวจสอบผู้ค้ารายย่อยที่ได้รับโควตา 5 เล่ม และผู้ได้รับจัดสรรโควตาที่เป็นองค์กร มูลนิธิต่างๆอย่างเข้มข้น หากนำไปขายยกเล่ม ขายส่ง ถือว่าทำผิดสัญญาที่ทำไว้กับสำนักงานสลากฯ จะตัดสิทธิ์ทันที นอกจากนี้ ยังจะปรับจำนวนสลากผู้ค้ารายย่อยจาก 5 เล่ม เหลือ 3 เล่ม หากต้องการได้รับสลาก 5 เล่ม ต้องเข้าสู่ระบบสลากดิจิทัล
ทั้งนี้ ปี 2565 ที่ผ่านมาได้ตัดสิทธิ์ไปแล้ว 16,000 ราย และเข้าข่ายถูกตัดสิทธิ์อีก 10,000 ราย ซึ่งตรวจสอบจากสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่นำมาขึ้นรางวัล และอยู่ระหว่างตรวจสอบสลากที่ยึดมาจากกองสลากพลัสอีก 11 ล้านใบ ขณะเดียวกันจะประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อจับกุมผู้ค้าสลากเกินราคาทุกราย เพราะถือว่าเป็นความผิดทางอาญาแผ่นดิน
“ต่อไปนี้ไม่ต้องมีผู้แจ้งความ หรือร้องทุกข์กล่าวโทษ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถดำเนินการจับกุม และลงโทษปรับได้เลย มีโทษสูงสุดปรับไม่เกินครั้งละ 10,000 บาท และการจับกุม จะไม่มีการดราม่า เพราะไม่ได้ไปรังแกผู้ค้ารายย่อย ขายแผงลอย ปั่นจักรยาน โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้ค้ารายใหญ่ โดยเฉพาะผู้รวบรวมสลากไว้จำนวนมาก เพื่อนำขายต่อ ซึ่งเป็นต้นตอทำให้สลากราคาแพง”
นายลวรณกล่าวต่อว่า สำนักงานสลากฯ จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่ออนุมัติห้ามโฆษณาส่งเสริมการขายสลากทุกรูปแบบผ่านสื่อทุกแพลตฟอร์ม และในช่วงนี้ต้องขอความร่วมมือไปยังสื่อทุกแขนงงดโฆษณาประชาสัมพันธ์ ที่เป็นการส่งเสริมการซื้อสลากทุกรูปแบบ ขณะเดียวกัน จะเสนอแก้ไข พ.ร.บ.สลากกินแบ่งรัฐบาลออกกฎหมายควบคุมห้ามโฆษณาขายสลากอย่างถาวร
ส่วนการเพิ่มสลากดิจิทัล เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการซื้อสลากราคาใบละ 80 บาท ในปีนี้จะทยอยเพิ่มเป็น 30 ล้านใบ ปี 2567 เพิ่มเป็น 40 ล้านใบ และปี 2568 จะเพิ่มเป็น 50 ล้านใบ โดยการเพิ่มแต่ละงวดจะพิจารณาตามความเหมาะสมของตลาด และความต้องการของผู้ซื้อในแต่ละงวด ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าได้รับผลตอบรับดีมากในการซื้อสลากดิจิทัล ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง
“การเปิดจำหน่ายสลากดิจิทัลผ่านมา 15 งวด ถือว่าประสบความสำเร็จ และเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากจำนวนสายร้องเรียนกรณีสลากเกินราคา หรือหวยแพง ลดลงถึง 80% สะท้อนว่าการแก้ไขปัญหาด้วยสลากดิจิทัลทำได้จริง”
สำหรับการเพิ่มสลากดิจิทัลที่จะมาเพิ่มให้ครบ 30 ล้านใบในปีนี้ นั้นจะมาจาก 4 แนวทาง ได้แก่ 1.จากการตัดสิทธิโควตาผู้ค้าที่กระทำผิดกติกานำโควตาที่ได้รับไปขายยกเล่ม 2.จากความสมัครใจของผู้ค้ารายย่อย หากต้องการเข้าสู่ระบบดิจิทัลจะได้รับโควตา 5 เล่มต่องวด 3.การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ แอล 6 คือสลากที่ไม่ต้องพิมพ์เป็นใบ แต่ขายในรูปแบบออนไลน์ได้ ซึ่งอยู่ระหว่างการนำเสนอกระทรวงการคลัง และจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) 4.จากโควตามูลนิธิ องค์กรการกุศลที่ให้ผู้ค้ามาเข้าร่วมจำหน่ายสลากดิจิทัลโดยสมัครใจ
นายลวรณกล่าวต่อว่า การขายสลากดิจิทัลนั้นเป็นเพียงช่องทางการขายที่ให้ตัวแทนจำหน่ายรายย่อยไม่ใช่สำนักงานสลากขายเอง ดังนั้น สำนักงานสลากฯไม่ได้รายได้หรือกำไรเพิ่ม และการออกแบบแพลตฟอร์มก็เป็นไปตามหลักเกณฑ์กติกาของกฎหมาย ดังนั้น ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มอื่นๆ หรือไม่ได้มีการออกแบบการขายดิจิทัลเลียนแบบตามใคร เพราะสำนักงานสลากฯมีกฎหมาย ดำเนินการทุกอย่างตามกระบวนการ.