ธปท.เร่งต่อยอดพร้อมเพย์ เดินหน้าพัฒนาระบบโอนเงินดิจิทัลเต็มสูบ

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ธปท.เร่งต่อยอดพร้อมเพย์ เดินหน้าพัฒนาระบบโอนเงินดิจิทัลเต็มสูบ

Date Time: 31 ต.ค. 2565 05:01 น.

Summary

  • ธปท.เร่งพัฒนา “ระบบพร้อมเพย์” ชี้เป็นจุดเปลี่ยนการเงินประเทศ หลังออกมา 6 ปีคนใช้กว่า 71 ล้านบัญชี โอนเงินวันละ 1.2 แสนล้านบาท ตั้งเป้า 3 ปี คนไทยโอนเงินดิจิทัล 800 ครั้งต่อคนต่อปี

Latest

ล้อมคอกรถโดยสารสาธารณะยึดมาตรฐาน "UN”

ธปท.เร่งพัฒนา “ระบบพร้อมเพย์” ชี้เป็นจุดเปลี่ยนการเงินประเทศ หลังออกมา 6 ปีคนใช้กว่า 71 ล้านบัญชี โอนเงินวันละ 1.2 แสนล้านบาท ตั้งเป้า 3 ปี คนไทยโอนเงินดิจิทัล 800 ครั้งต่อคนต่อปี ขยายพร้อมเพย์สู่ภาคธุรกิจ มองไปข้างหน้าจ่อปรับระบบโอนเงินช่วยนักช็อปออนไลน์ จ่ายเงินเมื่อของมาถึง

นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึง “ทิศทางการพัฒนาระบบการชำระเงิน ภายใต้ภูมิทัศน์ใหม่ภาคการเงินไทย” ภายใต้แผนกลยุทธ์การพัฒนาระบบชำระเงินในระยะ 3 ปี (พ.ศ.2565-2567) ว่า ระบบการชำระเงินดิจิทัลของไทยมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง และระบบพร้อมเพย์ที่ถือเป็น game changer หรือจุดเปลี่ยนที่สำคัญของระบบการชำระเงินไทย โดยนับตั้งแต่เปิดเริ่มให้บริการในปลายปี 2559 จนถึงปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนแล้วถึง 71 ล้านหมายเลข มีปริมาณการทำรายการธุรกรรมการเงินเฉลี่ยถึงวันละ 38 ล้านรายการ มูลค่ากว่า 120,000 ล้านบาท และได้รับการพัฒนาต่อยอดบริการที่หลากหลาย เช่น การชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด การส่งคืนภาษีเงินได้ผ่านพร้อมเพย์ การจ่ายเงินสวัสดิการ การบริจาคเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation)

นอกจากนี้ ยังพัฒนาพร้อมเพย์เชื่อมโยงระบบการชำระเงินและโอนเงินกับต่างประเทศ โดยโครงการที่รู้จักแพร่หลาย คือ การเชื่อมโยงระบบพร้อมเพย์ไทยกับระบบเพย์นาวของสิงคโปร์ เพื่อโอนเงินระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นการเชื่อมโยง 2 fast payment คู่แรกของโลก และได้รับรางวัล “Initiative of the Year” ประจำปี 2565 จากวารสารธนาคารกลาง และล่าสุดไทยยังมีการเชื่อมโยงบริการชำระเงินกับอีก 5 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย

นอกจากนี้ ยังผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีทางการเงิน เช่น การนำ blockchain มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการโอนเงิน ขณะที่ในช่วงต่อไป ธปท.จะเร่งขับเคลื่อน คือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการทำธุรกรรมการค้าและการชำระเงินของธุรกิจแบบดิจิทัลที่ครบวงจร หรือที่เรียกว่าโครงการ PromptBiz หรือพร้อมเพย์ของภาคธุรกิจ เพื่อให้สามารถลดเอกสาร ลดเวลา ลดต้นทุน และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทั้งการชำระเงินในประเทศ และระหว่างประเทศได้มากขึ้น

นายรณดล กล่าวต่อว่า ในยุคดิจิทัลจะมีความเสี่ยงใหม่ๆ ทำให้ต้องพัฒนาเครื่องมือและ บุคลากรด้านการกำกับดูแลให้มีทักษะความรู้อย่างเพียงพอ รวมทั้งสร้างความร่วมมือให้เตรียมพร้อมรองรับภัยไซเบอร์ โดย ธปท.ตั้งผลสัมฤทธิ์ของทิศทางการชำระเงินฉบับนี้ ซึ่งได้กำหนดเป้าหมายความสำเร็จให้ท้าท้ายมากขึ้น โดยจะขยายการใช้การชำระเงินดิจิทัลเพิ่มขึ้น 2.5 เท่าเป็น 800 ครั้งต่อคนต่อปีใน 3 ปีข้างหน้า ควบคู่กับการลดการใช้เงินสดและเช็ค

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในส่วนการพัฒนาระบบการโอนเงินดิจิทัลในอนาคตนั้น ธปท.มีแนวคิดที่จะสร้างระบบการสั่งจ่ายเงินที่สามารถกำหนดเวลาโอนได้ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของลูกค้าที่ซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ โดยจะมีคำสั่งให้โอนเงินไปรอจ่าย แต่เงินจะยังไม่เข้าทันที และเมื่อลูกค้าได้รับสินค้าแล้วจึงกดปุ่มโอน เงินจึงจะเข้าบัญชีได้ แต่แนวทางนี้ จะต้องใช้เวลาอีกระยะ และต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ