นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และองค์การขนส่งมวลชน กรุงเทพ (ขสมก.) ว่า หลังจากคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ได้ให้กระทรวงแก้ไขแผนฟื้นฟูให้เหมาะสมนั้น ได้สั่งการให้ รฟท.ทำแผนปฏิบัติการปี 66-70 ให้ชัดเจน โดยให้เสร็จภายในเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้ เพื่อให้ติดตามการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพให้ประชาชนทราบแนวทางการดำเนินงานของ รฟท.ทั้งการพัฒนาขีดความสามารถด้านการแข่งขันการพลิกฟื้นธุรกิจหลัก การพัฒนาและสร้างรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการขนส่งระบบราง รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญการดำเนินงานจากยุทธศาสตร์ดังกล่าวที่สามารถทำได้ทันที เช่น จัดสรรเส้นทางการเดินรถไฟให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และดึงดูดเอกชนมาร่วมลงทุน โดยให้ความสำคัญในการโอนสัญญาและสิทธิในที่ดินให้บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ซึ่งจะช่วยให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ต้องเร่งรัดจัดทำแผนและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการโอนส่งมอบทรัพย์สินจาก รฟท. ให้แก่บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ให้เสร็จโดยเร็ว โดยให้ทำข้อมูลเปรียบเทียบผลที่ได้รับจากการเพิ่มรถจักรและล้อเลื่อน เพื่อให้ทราบผลลัพธ์และเป้าหมายการดำเนินงานที่ชัดเจน และทำให้การใช้โครงข่ายทางรางเกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงให้ทำแผนการเพิ่มพันธกิจของบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรลลิงก์ ให้ชัดเจนด้วย
ส่วนการแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. ได้สั่งให้จัดทำ Action plan แผนฟื้นฟูกิจการฉบับปรับปรุงใหม่ โดยจัดลำดับความสำคัญและจำแนกเป็นระยะๆให้ชัดเจน เน้นประชา สัมพันธ์ ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร โดยอาจให้กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือกลุ่มบุคคลที่ 3 (Third Party) หรืออินฟลูเอนเซอร์ มีส่วนร่วมในการประชาสัมพันธ์และ
ผลักดันการขับเคลื่อนแผนฟื้นฟูให้เกิดประสิทธิภาพ เพราะปัจจุบัน ขสมก.มีภาระหนี้สินกว่า 124,000 ล้านบาท “ส่วนสภาพรถโดยสารที่เก่าและทรุดโทรม รวมถึงมีไม่เพียงพอต่อการให้บริการ ได้สั่งให้ ขสมก.เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารสัญญาซ่อมบำรุงรถโดยสาร และให้จัดหารถโดยสารที่มีขนาดเหมาะสมให้พร้อมใช้บริการ รวมถึงเปลี่ยนเป็นรถพลังงานไฟฟ้า เร่งรัดการเพิ่มรายได้จากการใช้ประโยชน์ที่ดินเชิงพาณิชย์สำหรับพื้นที่ที่มีศักยภาพ เช่น อู่บางเขน อู่มีนบุรี เป็นต้น”.