นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้้ เปิดเผยว่า สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน อาจส่งผลให้นักลงทุนลดน้ำหนักการลงทุนในยุโรปลง และหันมาลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียมากขึ้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวน้อยกว่าขณะเดียวกันมีโอกาสที่จะเห็นเม็ดเงิน หรือ fundflow ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยด้วย เพราะประเทศไทยน่าจะมีโอกาส outperform หรือดีขึ้นได้มากกว่า ทั้งเศรษฐกิจและตลาดหุ้น โดยช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาในตลาดหุ้นสูงถึง 100,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 10,000-20,000 ล้านบาท
“เริ่มเห็นเงินทุนไหลเข้าไทยตั้งแต่ปลายปี 64 และขณะนี้ก็ยังเห็นเงินไหลเข้ามาอยู่แม้จะมีสถานการณ์สงคราม เพราะสภาพคล่องของเงินในระบบการเงินโลกก็ยังมีจำนวนมหาศาล โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังไม่ได้ดึงเงินออกแต่อย่างใดและยังใส่เงินเข้ามาอยู่ ขณะที่เฟดก็ยังไม่ได้ขึ้นดอกเบี้ย สภาพคล่องจึงยังล้นระบบอยู่ ดังนั้น เมื่อมีความเสี่ยงในยุโรป เพราะประเมินว่าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์สงครามมากที่สุด ดังนั้น นักลงทุนบางส่วนจึงอาจลดน้ำหนักการลงทุนในยุโรปลงและมาเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในเอเชีย หลังประเมินว่าสงครามครั้งนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับฝั่งเอเชียน้อยที่สุด
นายไพบูลย์กล่าวว่า สำหรับเม็ดเงินที่คาดว่าจะไหลเข้าไทยบนสมมติฐานที่ต้องติดตามว่าสงครามครั้งนี้จะไม่ลุกลาม หากสถานการณ์ยืดเยื้อจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและกดดันให้ราคาน้ำมันโลกสูงขึ้นด้วย แต่หวังว่าจะไม่ยืดเยื้อ และหวังให้โอเปกที่มีกำลังการผลิตน้ำมันเหลือจะทยอยผลิตกำลังเพิ่ม เพื่อไม่ให้ตลาดน้ำมันช็อตเกินไป.