สสว.ช่วยหนุน SME เจาะตลาดรัฐสําเร็จ

ประธานกรรมการบริหารสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) พร้อมผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่กระทรวงการคลังและ ผอ.สสว. แถลงข่าวความสำเร็จตามมาตรการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (THAI SME-GP) ขยายโอกาสให้ผู้ประกอบการเข้าถึงตลาดภาครัฐมูลค่ากว่า 551,306 ล้านบาท เผยเตรียมขยายโอกาสทางตลาดต่อยอดไปสู่ระบบจัดซื้อจัดจ้างภาคเอกชน

ที่โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการฯ เมื่อวันที่ 30 ก.ย. นายชื่นชอบ คงอุดม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่กระทรวงการคลัง นายมงคล ลีลาธรรม ประธานกรรมการบริหารสำนักงาน ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) นายวีระพงษ์ มาลัย ผอ.สสว. ร่วมแถลงข่าวความสำเร็จ ของมาตรการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ หรือ THAI SME-GP โดยนายชื่นชอบ คงอุดม กล่าวแสดงความยินดีกับความสำเร็จ ในการขับเคลื่อนมาตรการสนับสนุนครั้งนี้ พร้อมระบุว่าปัจจุบันมีผู้ประกอบการ SME ขึ้นทะเบียนแล้วกว่า 100,000 ราย มีรายการสินค้าและบริการในระบบกว่า 661,492 รายการ โดยสามารถขยายโอกาสให้ SME เข้าถึงตลาดภาครัฐมูลค่ากว่า 551,306 ล้านบาท การดำเนินงานครั้งนี้นับว่าประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนด

ขณะที่นายวีระพงศ์ มาลัย ผอ.สสว.เปิดเผยว่า ตามที่ สสว.ร่วมกับกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เดินหน้าสนับสนุน SME เข้าถึงตลาดการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ภายใต้กฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2563 เริ่มขับเคลื่อนตั้งแต่ปลายปี 63 ซึ่ง สสว.จัดทำระบบขึ้นทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.thaismegp.com เพื่อให้ผู้ประกอบการรับสิทธิประโยชน์ในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ จากข้อมูลการขึ้นทะเบียนในระบบ THAI SME-GP จนถึงวันที่ 29 ก.ย. พบการขึ้นทะเบียน 96,871 ราย คาดสิ้นปี 64 จะมีผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนเกิน 100,000 ราย มีรายการสินค้าและบริการกว่า 661,492 รายการ สินค้าและบริการที่ขึ้นทะเบียนมากที่สุดในลำดับต้นๆ ส่วนใหญ่เป็นเครื่องใช้และอุปกรณ์สำนักงาน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องตกแต่ง ส่วนจังหวัดที่มีการขึ้นทะเบียนมากที่สุดได้แก่ กทม. จ.เชียงใหม่ และ จ.นนทบุรี

“ที่สำคัญตัวเลขของกรมบัญชีกลาง ถึงวันที่ 31 ส.ค. พบผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียน THAI SME-GP ได้รับการจัดซื้อจัดจ้างจากหน่วยงานรัฐ คิดเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 551,306 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการจัดซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์การก่อสร้าง งานรับเหมาก่อสร้าง ซ่อมแซม บำรุงรักษาถนน/อาคาร วัสดุที่ใช้ใน รพ. สำหรับหน่วยงานที่มีการจัดซื้อจัดจ้างมากที่สุดในลำดับต้นๆ ได้แก่ กรมชลประทาน กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กองทัพบก การประปานครหลวง กทม. กรมโยธาธิการและผังเมือง” นายวีระพงศ์กล่าว

นายวีระพงศ์ยังระบุด้วยว่า มาตรการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เป็นการกำหนดให้หน่วยงานภาครัฐจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของวงเงินที่ขึ้นทะเบียนในระบบ ขณะที่ผู้ประกอบการได้รับสิทธิประโยชน์จากแนวทางการส่งเสริม 2 ลักษณะ คือ 1.ส่งเสริมในเชิงพื้นที่ ซึ่งกำหนดให้หน่วยงานภาครัฐเชิญ SME เจ้าของสินค้าหรือบริการในพื้นที่ของหน่วยงานหรือพื้นที่จะใช้พัสดุ ไม่น้อยกว่า 6 ราย เพื่อดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีคัดเลือก และ 2.ให้แต้มต่อด้านราคาไม่เกินร้อยละ 10 ในการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธี e-Bidding และการคัดเลือกที่ใช้เกณฑ์ราคาในการพิจารณา นอกจากนี้ ผู้ประกอบการจะได้รับประโยชน์อื่นๆเพิ่มเติม อาทิ ได้รับการพัฒนาจาก สสว.หรือหน่วยงานเกี่ยวข้อง ขณะเดียวกันเพื่อเพิ่มศักยภาพและขยายโอกาสธุรกิจให้ผู้ประกอบการ สสว.ร่วมกับสถาบันการเงินทั้งภาครัฐและเอกชน 8 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารทหารไทยธนชาต หาแนวทางสนับสนุนเงินทุนสำหรับผู้ประกอบการเพื่อช่วยขับเคลื่อนให้ SME เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างมากขึ้น

“สสว.วาง เป้าหมายพัฒนา THAI SME-GP สู่การเป็น SME Catalog ของประเทศ มีแผนจะต่อยอดขยายขีดความสามารถจากระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐไปสู่ระบบจัดซื้อจัดจ้างภาคเอกชนและเตรียมเสนอสิทธิประโยชน์จูงใจให้ภาคเอกชนร่วมสนับสนุนในระบบ THAI SME-GP เพื่อขยายโอกาสทางการตลาด” นายวีระพงศ์กล่าวท้ายสุด