ม.หอการค้าไทย คาดสงกรานต์ปีนี้กร่อย เงินสะพัดแค่ 1.1 แสนล้านบาท ลดลง 16.9% ต่ำสุดรอบ 9 ปี เหตุคนยังกลัวโควิด ไม่กล้าใช้เงิน ไม่กล้าท่องเที่ยว ย้ำคนไทยยังไม่มั่นใจวัคซีน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมและการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2564 ที่สำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 1,256 คนทั่วประเทศ วันที่ 22-29 มี.ค.2564 ว่า การใช้จ่ายเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ยังไม่คึกคัก มีมูลค่าการใช้จ่าย 112,867 ล้านบาท แม้เพิ่มขึ้น 63.6% เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีการใช้จ่ายต่ำสุดเพียง 69,005 ล้านบาท เพราะเป็นช่วงล็อกดาวน์จากการระบาดของโควิด-19 และงดจัดกิจกรรมสงกรานต์ แต่เมื่อเทียบกับปี 2562 ลดลงมากถึง 16.9% อัตราการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 9 ปี นับตั้งแต่ปี 2556 ที่ขยายตัวสูงสุด 10.42% มูลค่า 114,119 ล้านบาท
“เงินสะพัดในช่วงสงกรานต์ปีนี้ จะเปรียบเทียบกับปี 2562 เพราะปี 2563 ประเทศได้ประกาศล็อกดาวน์ ไม่มีการจัดกิจกรรม จึงทำให้เกิดเงินสะพัดน้อยมาก ส่วนสงกรานต์ปีนี้ ยังไม่คึกคัก เพราะรัฐบาลประกาศงดกิจกรรมสาดน้ำ และประชาชนยังกังวลกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 กังวลกับอุบัติเหตุ และความปลอดภัยในการเดินทาง รวมถึงต้องการประหยัด มีหนี้สินเพิ่มขึ้น และรายได้ลดลง จึงใช้จ่ายน้อย แต่หันไปวางแผนทำบุญ ทำอาหารอยู่กับบ้าน รดน้ำดำหัวและเยี่ยมญาติผู้ใหญ่มากขึ้น”
ส่วนการเดินทาง ทั้งท่องเที่ยว และกลับภูมิลำเนา พบว่า เริ่มมีบรรยากาศการเดินทางมากขึ้น โดยผู้ตอบมากถึง 64.7% ตอบมีแผนเดินทาง แต่จะเป็นการเดินทางท่องเที่ยวระยะสั้น 3-5 วัน เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ในหลายพื้นที่ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายเงิน ถึงแม้ว่าจะมีมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาล ทั้งโครงการเราชนะ ท่องเที่ยวคนละครึ่ง โดยมีมูลค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวเฉลี่ยคนละ 5,180 บาท
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามเกี่ยวกับความเชื่อมั่นในเรื่องการป้องกันการแพร่ระบาดจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ผู้ตอบส่วนใหญ่ 42.8% มั่นใจปานกลาง อีก 32.1 บอกไม่มั่นใจเลยถึงมั่นใจน้อยมาก และอีก 25.1 บอกมั่นใจมากถึงมากที่สุด ส่วนทรรศนะต่อการให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในไทย ผู้ตอบส่วนใหญ่ 68.6% บอกไม่เห็นด้วย เพราะสถานการณ์การติดเชื้อยังไม่แน่นอน คนไทยยังไม่ได้ฉีดวัคซีน อาจก่อให้เกิดการระบาดรอบใหม่ แต่อีก 31.4% เห็นด้วย เพราะสร้างรายได้ให้กับประเทศ ช่วยภาคบริการท่องเที่ยวฟื้นตัว และสร้างบรรยากาศทางเศรษฐกิจ
นายธนวรรธน์กล่าวต่อถึงทิศทางเศรษฐกิจขณะนี้ว่า มาตรการของรัฐยังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ และคาดหวังว่าเทศกาลสงกรานต์ปีนี้จะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งเดิมศูนย์ประเมินจะมีเม็ดเงินสะพัดช่วงสงกรานต์ปี 2564 ประมาณ 140,000 ล้านบาท แต่ผลสำรวจพบเงินหายไป 25,000-30,000 ล้านบาท ทำให้บรรยากาศเศรษฐกิจยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัว และประชาชนมองว่าเศรษฐกิจปี 64 จะขยายตัวต่ำกว่า 3% รัฐบาลยังจำเป็นต้องกระตุ้นความเชื่อมั่นผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการคนละครึ่งเฟส 3 เร่งใช้จ่ายในโครงสร้างพื้นฐาน สนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศในช่วงวันธรรมดา นอกจากนี้ รัฐยังจำเป็นต้องดูแลเรื่องของภาษี ซึ่งศูนย์สนับสนุนให้รัฐบาลคงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ที่ 7% อย่างน้อยอีก 2 ปี.