"การท่าเรือแห่งประเทศไทย" จ่อตั้งบริษัทลูกบริหารสินทรัพย์ เตรียมเลหลังพื้นที่รอบท่าเรือกรุงเทพกว่า 184 ไร่ มั่นใจสร้างรายได้มหาศาล
เรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยภายหลังลงนามในสัญญาเช่าที่ดิน อาคารและเขื่อนเทียบเรือบริเวณคลังพระโขนง -บางจาก ระหว่าง กทท.กับบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ว่า การลงนามเช่าที่ดินดังกล่าวนอกจากเป็นการพัฒนาสินทรัพย์ให้เกิดมูลค่าเพิ่มเชิงเศรษฐศาสตร์แก่ กทท. แล้ว ยังเป็นการสนับสนุนการดำเนินงานและธุรกิจของบริษัท ปตท. น้ำมันฯ อีกทั้งยังสร้างเสถียรภาพความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าว กทท.ให้ OR เช่าระยะเวลา 15 ปีในการทำคลังน้ำมัน และท่าเทียบเรือ
นอกจากการเปิดให้ OR เช่าพื้นที่และพัฒนาพื้นที่แล้ว กทท. ยังมีแผนที่จะนำพื้นที่บริเวณท่าเรือกรุงเทพ และบริเวณรอบสำนักงานใหญ่ กทท.มาบริหารจัดการเพื่อเพิ่มมูลค่าสร้างรายได้ให้กับ กทท.เบื้องต้นจะมีการนำที่ดิน จำนวน 4 แปลงมาพัฒนา ซึ่งขณะนี้ กทท. อยู่ระหว่างแก้ไข พ.ร.บ.การท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อให้ กทท.สามารถทำธุรกิจพัฒนาทางด้านอสังหาริมทรัพย์ได้ จากเดิม พ.ร.บ.การท่าเรือฯ ไม่ได้เปิดช่องให้มีการนำพื้นที่มาพัฒนาทางด้านอสังหาฯ แต่ให้มาพัฒนาเฉพาะที่เกี่ยวกับการขนส่ง บริการทางน้ำเท่านั้น ซึ่งขั้นตอนการแก้ไขยังไม่แล้วเสร็จ และคาดว่าจะใช้เวลานานกว่า 2-3 ปี
ดังนั้น ทางออกของ กทท. ขณะนี้จึงเตรียมการที่จะตั้งบริษัทลูกเพื่อให้มาบริหารสินทรัพย์ โดยรูปแบบจะมีทั้งการเปิดพื้นที่ให้เอกชนที่พร้อมเข้ามาพัฒนาเช่า กับ ให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุน หรือ พีพีพี ซึ่งการตั้งบริษัทลูกจะสามารถทำให้ กทท.สร้างรายได้ได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ที่ดินจำนวน 4 แปลง ประกอบด้วย
1. พื้นที่จำนวน 17 ไร่ บริเวณข้างอาคารสำนักงานใหญ่ทางด้านทิศเหนือ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวจะเปิดลงทุนรูปแบบ พีพีพี เพื่อให้เอกชนเข้ามาพัฒนาศูนย์จัดนิทรรศการนำเข้าและส่งออกทางน้ำแบบเต็มรูปแบบ
2. แปลงที่ 2 พื้นที่จำนวน 15 ไร่ บริเวณคลังสินค้าผ่านแดน
3. แปลงที่ 3 พื้นที่ 15 ไร่ สำนักแพทย์อนามัย กรุงเทพมหานคร
และแปลงที่ 4 จำนวน 137 ไร่ บริเวณตลาดคลองเตย อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าการนำที่ดินมาสร้างรายได้จะทำให้ กทท. มีรายได้จากแลกเข้าการใช้ประโยชน์พื้นที่กว่า 30% ของมูลค่าโครงการ.