ทุนญี่ปุ่นขู่ย้ายหนีไทยซบเวียดนาม

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ทุนญี่ปุ่นขู่ย้ายหนีไทยซบเวียดนาม

Date Time: 3 ก.ค. 2563 07:15 น.

Summary

  • นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยระหว่างการเสวนาเรื่อง “ความตกลงCPTPPประโยชน์ ผลกระทบและประสบการณ์จากประเทศภาคี”

Latest

ที่สุดแห่งปี ! เปิด 10 ทำเล ราคาที่ดิน แพงสุด “ชิดลม-เพลินจิต” ทะลุ 3.7 ล้าน/ตร.ว. สงขลา รองแชมป์

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยระหว่างการเสวนาเรื่อง “ความตกลงCPTPPประโยชน์ ผลกระทบและประสบการณ์จากประเทศภาคี” จัดโดยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า หอการค้าญี่ปุ่นได้สอบถามถึงการที่ไทย จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าทางเศรษฐกิจสำหรับภาคพื้นแปซิฟิก (ซีพีทีพีพี) อย่างต่อเนื่อง และแจ้งว่าต้องการให้ไทยเข้าร่วม เพราะจะเป็นข้อได้เปรียบที่ไทยจะดึงดูดนักลงทุนญี่ปุ่นและทั่วโลกให้เข้ามาลงทุนในไทยได้ แต่หากไทยไม่เข้าซีพีทีพีพี อาจทำให้ญี่ปุ่นย้ายการลงทุนจากไทยไปเวียดนาม ที่เป็นสมาชิกซีพีทีพีพีแล้ว

“หอการค้าญี่ปุ่นได้แจ้งว่า จะเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มเพราะมีหลายอย่างน่าสนใจ ซึ่งซีพีทีพีพีก็เป็นจุดบวก ที่ไทยควรเข้าเจรจา เพราะจะทำให้ทั่วโลกรวมทั้งญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทย แต่หากไทยไม่เข้าร่วม มีโอกาสที่การลงทุนจากญี่ปุ่นจะย้ายไปเวียดนามแทน”

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ภาคเอกชนต้องการความชัดเจนจากรัฐบาลถึงจุดยืนของการเข้าร่วมซีพีทีพีพี เพราะขณะนี้เป็นการเตะไปเตะมาจะเอาหรือไม่เอายังไม่ชัดเจน มองว่าการจะสมัครเข้าร่วมหรือไม่ ควรตัดสินใจให้เร็ว ส่วนกรณีที่ทางคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาการเข้าร่วมซีพีทีพีพี สภาผู้แทนราษฎรจะขอรัฐสภายืดเวลาพิจารณาออกไปอีก 60 วัน ทำให้ไทยอาจสมัครเข้าร่วมเจรจาซีพีทีพีพีไม่ทันการประชุมของรัฐมนตรีซีพีทีพีพีในเดือน ส.ค.นี้ และต้องรอสมัครใหม่ปี 64 นั้น มองว่า ถ้าปีนี้ไทยสมัครไม่ทัน และไปสมัครปีหน้า ก็อาจทำให้การเจรจายากขึ้น เพราะไทยไม่ใช่ผู้ก่อตั้ง จากเดิมเจรจา 7 ประเทศสมาชิกที่ให้สัตยาบันความตกลงแล้ว จากทั้งหมด 11 ประเทศ แต่ปีหน้าอาจเจรจาเพิ่มอีก 4 ประเทศ ที่กำลังจะลงสัตยาบัน ซึ่งยืนยันว่ากระบวนการเจรจาซีพีทีพีพีใช้เวลา 4 ปี ไม่ใช่สมัครแล้วเข้าได้เลย ดังนั้น จึงมีเวลาในการเจรจาและปรับตัว แต่หากเข้าไปเจรจาแล้ว และสุดท้ายเห็นว่าไทยเสียเปรียบหรือปรับตัวไม่ได้ ก็สามารถถอนตัวได้ ดังนั้น การสมัครเข้าร่วม เพื่อให้เจรจาก่อน จะทำให้ไทยรู้ข้อได้เปรียบ เสียเปรียบ

ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ กกร.กำลังตั้งทีมศึกษาผลดี-ผลเสีย เพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้น และคาดว่าจะเสร็จภายในปีนี้ก่อนจะเสนอเป็นอีกหนึ่งโมเดลให้กับทุกภาคส่วน ซึ่งจะไม่มีความซ้ำซ้อนกับทุกผลการศึกษาที่ออกมาก่อนหน้านี้เพราะจะเป็นข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน

ส่วนนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมาธิการฯได้มีมติจะเสนอสภาฯยืดเวลาพิจารณาออกไป 60 วัน ส่วนปีนี้จะสมัครเจรจาซีพีทีพีพีทันหรือไม่ขึ้นอยู่กับความเห็นสภาฯที่จะเสนอรัฐบาล โดยประเด็นที่เป็นข้อขัดแย้งที่ต้องหารือ ได้เสนอแนวทางช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ โดยจะมีการตั้งกองทุนขึ้นมาดูแลซึ่งจะหารือกับกระทรวงการคลังต่อไป.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ