รัฐบาลอัดฉีดเงินกว่า 3 แสนล้าน เร่งฟื้นฟูเกษตรกรหลังวิกฤติ "โควิด-19"

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

รัฐบาลอัดฉีดเงินกว่า 3 แสนล้าน เร่งฟื้นฟูเกษตรกรหลังวิกฤติ "โควิด-19"

Date Time: 24 มิ.ย. 2563 11:11 น.

Video

เปิดทริกวางแผนการเงิน เพื่อชีวิตที่มีประสิทธิภาพ

Summary

  • รัฐบาลอัดฉีดเม็ดเงินกว่า 3 แสนล้าน สู่โครงการเศรษฐกิจพอเพียงสร้างไทย เพื่อเร่งฟื้นฟูอาชีพและรายได้หลังวิกฤติ "โควิด-19" แก่เกษตรกร 3 แสนราย พร้อมเร่งสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่

รัฐบาลอัดฉีดเม็ดเงินกว่า 3 แสนล้าน สู่โครงการเศรษฐกิจพอเพียงสร้างไทย เพื่อเร่งฟื้นฟูอาชีพและรายได้หลังวิกฤติ "โควิด-19" แก่เกษตรกร 3 แสนราย พร้อมเร่งสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่

วันที่ 24 มิ.ย. 2563 ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการเปิดโครงการเศรษฐกิจพอเพียงสร้างไทยและโครงการ New Gen Hug บ้านเกิด และ ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมปาฐกถาพิเศษ "การฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยหลังโควิด-19" พร้อมมอบนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ความแข็งแกร่ง

นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้สถานประกอบการหยุดกิจการ คนตกงานและต้องย้ายกลับภูมิลำเนา ส่งผลกระทบต่อรายได้และภาระค่าใช้จ่ายในการครองชีพของประชาชน รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยโดยรวม เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ทักษะด้านเทคโนโลยีการตลาด เข้ามาร่วมพัฒนาภาคการเกษตร รวมถึงการสนับสนุนให้เกิดธุรกิจชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ ธ.ก.ส. จึงได้ทำโครงการเศรษฐกิจพอเพียงสร้างไทยขึ้น เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคชนบท ภายใต้โครงการสำคัญๆ ดังนี้

1. โครงการเสริมสร้างความมั่นคงระดับครัวเรือน (ตั้งหลัก) ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
และทฤษฎีใหม่ ขั้นที่ 1 "พึ่งตนเอง" โดยรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณโดยตรง จำนวน 10,720 ล้านบาท ในการขับเคลื่อนและพัฒนาให้เกษตรกร จำนวน 300,000 ราย สามารถสร้างความมั่นคงทางอาหารโดยมีแหล่งอาหารเพื่อเลี้ยงชีพภายในพื้นที่รอบตัว และการสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ มีความเชื่อมั่นในวิถีการเกษตรแบบใหม่ จำนวน 200,000 ราย มาร่วมขับเคลื่อนและพัฒนาภาคการเกษตรทดแทนเกษตรกรที่มีอายุมากขึ้น

2. โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระดับชุมชน (ตั้งฐาน) ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ ขั้นที่ 2 "พึ่งพากันและกัน" โดยรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณ 22,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนวิสาหกิจชุมชน 16,000 แห่ง สำหรับนำไปลงทุนพื้นฐานด้านการเกษตร เช่น ระบบน้ำ โรงเรือน เครื่องจักรกล และเทคโนโลยีนวัตกรรมทางการเกษตร ไม่เกินร้อยละ 50 ของมูลค่าการลงทุน และไม่เกินแห่งละ 5 ล้านบาท

รวมทั้งสนับสนุนค่าใช้จ่ายในปัจจัยการผลิต สำหรับวิสาหกิจชุมชนที่มีการบริหารและดำเนินการผลิตเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มโดย ธ.ก.ส. พร้อมสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรน ได้แก่ สินเชื่อธุรกิจสร้างไทยวงเงิน 30,000 ล้านบาท และสินเชื่อ SME เกษตร วงเงิน 40,000 ล้านบาท

3. โครงการเสริมสร้างความยั่งยืนของเศรษฐกิจฐานราก (ตั้งมั่น) ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ ขั้นที่ 3 "เชื่อมโยงเป็นเครือข่าย" โดยรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณ 21,675 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการ จำนวน 7,255 แห่ง เป็นหัวขบวนในการรวบรวมผลผลิต การแปรรูปผลผลิต การเชื่อมโยงการตลาด การจัดการขนส่ง การให้บริการทางการเกษตร และการท่องเที่ยวชุมชน โดยเน้นการมีส่วนร่วมและให้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง

ทั้งนี้ ประกอบด้วย ค่าลงทุนปัจจัยพื้นฐาน การปรับเปลี่ยนการผลิต การเช่า การจ้างแรงงาน ไม่เกินร้อยละ 50 ของค่าลงทุนและค่าใช้จ่ายและไม่เกินแห่งละ 5 ล้านบาท รวมถึงการนำไปพัฒนาความรู้เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้นำสถาบันเกษตรกร โดย ธ.ก.ส.ยังสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรน ได้แก่ สินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทยวงเงิน 10,000 ล้านบาท และสินเชื่อ SME เกษตรวงเงิน 10,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การฟื้นฟูเกษตรกรภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายใต้โครงการเศรษฐกิจพอเพียงสร้างไทย ถือว่าเป็นการบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ สู่การพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง ทั้งในด้านการผลิต การซื้อ-ขายผลผลิต การแปรรูป และการบริโภคของคนในชุมชนอย่างมีส่วนร่วม โดยใช้ทรัพยากรของชุมชน เน้นการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนและภาคีเครือข่าย พร้อมส่งเสริมการดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมในรูปแบบ Social Enterprise (SE) อันนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็งและมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development).


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ